ก.ต่างประเทศ เสียใจ โรงพยาบาลถูกโจมตี ขอทุกฝ่ายงดเที่ยวต่างประเทศช่วงนี้

18 ต.ค. 66

ก.ต่างประเทศ เผย 22 ต.ค. เริ่มแผนสอง อพยพ คนไทยพักคอยดูไบ ก่อนต่อเครื่องกลับไทย เสียใจโจมตีโรงพยาบาล ขอทุกฝ่ายงดเที่ยวต่างประเทศช่วงนี้ 

วันที่ 18 ต.ค. 66 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นาง กาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ใน อิสราเอลและพื้นที่ ฉนวนกาซา ภายหลังการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินต่อสถานการณ์ความไม่สงบใน อิสราเอลว่า 

เหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อัล-อาราบี (Al-Ahli al-Arabi) ในพื้นที่ ฉนวนกาซา ถือว่าผิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างรุนแรง เพราะปกติภาวะสงครามจะมีการไม่โจมตี โรงพยาบาล โรงเรียน จะไม่มีพลเรือนเป็นเป้า ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ขอแสดงความเสียใจอย่างใหญ่หลวงต่อการสูญเสียครั้งนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างเป็นทางการต่อไป 

นาง กาญจนา กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ใน อิสราเอล และในพื้นที่ ฉนวนกาซา ทางอิสราเอลประกาศว่าจะบุกไปทางบก อีกทั้งประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะเดินทางไป อิสราเอลวันนี้ สำหรับผลกระทบต่อคนไทย ขณะนี้มีจำนวนผู้เสียชีวิต รวม 30 ราย ได้รับบาดเจ็บ 16 ราย และตัวประกัน 17 ราย ส่วนสถิติการอพยพคนไทย ขณะนี้มีผู้ประสงค์จะเดินทางกลับแล้ว 8,160 คน ส่วนผู้ที่ไม่ประสงค์จะเดินทางกลับมี 110 คน ได้ดำเนินการไป 7 เที่ยวบิน จำนวน 926 คน และเดินทางมาเองอีกจำนวนหนึ่ง ยืนยันว่าผู้ที่ประสงค์กลับบ้านนั้นจะได้กลับบ้านทุกคน อีกทั้งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เครื่องบินของกองทัพอากาศได้เดินทางไปรับคนไทย ซึ่งก็มีภาครัฐและภาคเอกชนหลายรายร่วมกันบริจาคส่งสิ่งของไปที่ อิสราเอล อาทิ อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค ฟ้าทลายโจร เป็นต้น โดยจะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) เวลา 13.40 น. จำนวน 145 ราย 

นาง กาญจนา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเห็นพี่น้องคนไทย ในอิสราเอลช่วยกัน เช่นกรณีพี่แจ๋ม ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกส่งพี่น้องคนไทยถึงมือสถานทูต เพื่อเดินทางกลับบ้าน ทั้งนี้ทางการไทยพยายามจัดเที่ยวบินทุกวัน เพื่อรับคนไทยกลับบ้านให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 คน รวมทั้งตอนนี้มีแผนจะลำเลียงคนไทยไปพักรอประเทศที่สาม คือนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพราะเที่ยวบินจากกรุงเทลอาวีฟมา นครดูไบ ใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่า เราจะจ้างเหมาเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ไปรับคนให้ได้จำนวนมากขึ้น พร้อมทั้งออกวีซ่าให้ และจัดโรงแรมให้นอนพักก่อนขึ้นเครื่องต่อกลับประเทศไทยต่อไป แผนนี้จะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะดำเนินการคู่ขนานกับการส่งเครื่องไปรับโดยตรงที่กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเครื่องบินกองทัพอากาศจะออกเดินทางไปรับกลับอีกครั้งในวันที่ 21 ต.ค. รวมถึงเครื่องบินพาณิชย์ด้วย เพื่อรับคนไทยกลับให้ได้มากที่สุด 

นาง กาญจนา กล่าวว่า ส่วนเรื่องประเด็นที่เครื่องบินกองทัพอากาศไทยต้องบินอ้อมนั้น เราไม่ได้ขอบินประเทศที่มีความเสี่ยงว่าอาจจะไม่อนุญาต หรือได้รับอนุญาตแต่ล่าช้า เราไม่ได้ขอเลย เพราะคิดว่าการเสียเวลาอ้อม 3-4 ชม.ดีกว่าเราไปขออนุญาตที่ปกติแล้วเขาไม่อนุญาตให้ผ่านน่านฟ้าเพราะมีปลายทางคือ อิสราเอล ดังนั้นเราจะต้องไปขอหลายประเทศเป็นกรณีพิเศษ อาจใช้เวลามากกว่า ส่วนที่ประเทศอื่นบินผ่านได้ เขาอาจมีการตกลงกัน หรือถ้าเราได้ยื่นขอไป เราอาจจะได้ก็ได้ แต่เราไม่อยากเสี่ยงและไม่อยากรอ ดังนั้นการบินอ้อม ไม่ได้เป็นประเด็น และต่อจากนี้ไปเรื่องการจัดเที่ยวบินจะมีมากขึ้น แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงคือการที่พี่น้องคนไทยอยู่ในพื้นที่จะเดินทางมาท่าอากาศยานอย่างไร ทั้งนี้คนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนก็สามารถเดินทางมาที่ศูนย์พักพิงได้เราคิดว่าปลายเดือน ต.ค. หรือต้นเดือน พ.ย.จะสามารถนำคนไทยกลับได้ตามเป้าหมาย 

อย่างไรก็ตามฝากเตือนคนไทยที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ภายหลังที่มีการโจมตีโรงพยาบาลก็มักจะมีการประท้วงในประเทศต่างๆ เป็นจำนวนมาก ขอให้นักท่องเที่ยวไทยดูมาตรการการเตือนของท้องถิ่นนั้นๆ พร้อมทั้งติดตามเฟซบุ๊กสถานทูตและสถานกงสุลทุกแห่ง ขอให้มีข้อมูล โดยเฉพาะเบอร์สายด่วนของสถานทูตและสถานกงสุลนั้นๆ หากต้องการขอความช่วยเหลือจะได้ติดต่อได้ง่าย ทั้งนี้ขอให้พิจารณางดเว้นการเดินทางไปพื้นที่เยรูซาเรมไว้ก่อน เพราะมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย 

นาง กาญจนา กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าเรื่องตัวประกัน ทุกฝ่ายได้หารือในทุกระดับในการเรียกร้องให้แน่ใจว่าตัวประกันของเรามีความปลอดภัย ขอให้ปลดปล่อยพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ขอให้วางใจทุกฝ่ายพยายามดำเนินการให้ดีที่สุดเพื่อให้พี่น้องได้เดินทางกลับประเทศไทย แต่ขอย้ำว่านี่ยังเป็นภาวะสงครามอยู่

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส