ดรามาเดือด! งานกฐินสุรินทร์ ทรมานช้างไทย คลุมผ้าติดไฟประดับลำตัว  

9 พ.ย. 66

 

ดรามาเดือด! งานกฐินสุรินทร์ ทรมานช้างไทยคลุมผ้าติดไฟประดับลำตัว ควาญยันแค่ไฟราวใส่ถ่าน ไม่ร้อนทรมาน แจงสีวาดตัว ไม่มีผลต่อผิวหนังช้าง 

จากกรณีที่มีผู้โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ช้างสุรินทร์ เริ่มคลุมผ้า ติดไฟประดับลำตัวช้าง เลียนแบบศรีลังกา ไม่คิดว่าจะอับจนปัญญากันถึงขนาดนี้ สิ้นความคิดที่จะดึงดูดความสนใจในทางไม่เบียดเบียนช้าง การประดับไฟเช่นนี้ปู่ย่าตาทวดไม่เคยกระทำ ทั้งที่เจ็บปวดกับสภาพช้างไทยในขบวนแห่ที่ศรีลังกา ถูกประดับประโคมดวงไฟ ขอเรียกร้องให้ช่วยเหลือ แต่ควาญไทยบางคนไม่คิดอะไรเลย ลงมือทำเลียนแบบควรประดับที่ลำตัว หัว หูของควาญจะดีกว่าไหม? มองแล้วอดสูใจ” 

“ความฉิบหายจะคืบคลานสู่วงการช้าง รับงานแห่ เฉพาะทาสีขาวสีแดงเขียนลายที่ใบหน้าลำตัวช้าง ย้ำสีใช้สีที่มีสารเคมีทาทั่วตัวช้าง และเขียนลายทั่วหน้าหน้าทั่วงวงแม้แต่ขา ยังไม่สาแก่ใจหรือ และทาสีขาวให้เป็นช้างเผือกปลอมๆ ทั้งช้างเด็กถึงช้างแก่!” 

“ในยามนี้เพิ่มการประดับไฟคลุมผ้าผืนใหญ่ เคยรู้ไหมว่ามีผลกับดวงตาร่างกายและจิตใจช้างอย่างไร ด้านข้างไม่สามารถระบายความร้อนออกทางผิวหนังได้

ช้างไม่ควรรับแสงเข้มแสงจ้า ส่องดวงตา และดวงตามีความไวต่อการรับแสง หากเป็นอันตรายในวันข้างหน้ามันคือฉิบหาย และความไร้หัวคิดของควาญที่ทำพร้อมกับการไม่ช่วยห้ามปรามยับยั้งของผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย” 

“ช้างไทยเดินในขบวนแห่ ต้องมีรถเครื่องเสียงเปิดดังหูแทบแตกนำหน้า ช้างหลบไม่ได้รับเสียงเต็มๆ ไปเดินด้วยกันมาแล้วจึงมาเขียนได้ว่ามันดังมาก เครื่องเสียงลำโพงในรถขับนำหน้าช้าง และถ้าเดินแห่กลางวันฝ่าเท้าช้างทั้งสี่ขาร้อนระอุเมื่อเหยียบลงไปบนถนนปูน ฝ่าเท้าช้างบาง แต่จำต้องก้าวเดินต่อไป และบนหลังมีอย่างน้อย 2 คน หรือ 3 คน” 

ล่าสุดวันที่ 9 พ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านตากลาง อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เพื่อพบควาญเอก เจ้าของช้างพลายป๋อง ที่เดินขบวนประดับไฟภายในงานกฐิน แต่ไม่พบเจ้าตัว เพราะเดินทางกลับบ้านที่อำเภอสังขะ จึงได้สอบถามพบควาญบัติ เจ้าของพังเพชรมณี และควาญหนู เจ้าของพลายเทวฤทธิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนควาญช้างด้วยกัน และบ้านอยู่ใกล้กัน โดยเล่าว่ากรณีดังกล่าว ควาญช้างทุกคนรักช้างเหมือนกับลูกคนหนึ่ง เรื่องไฟประดับบนตัวช้างนั้น ช้างไม่ร้อน ถ้าร้อนช้างจะใช้หางสบัด ส่วนสีทาที่ตัวช้าง หัวช้างนั้น ไม่มีผลต่อผิวหนังช้าง 

ควาญบัติ เจ้าของพังเพชรมณี กล่าวว่า ตนนั้นคิดว่าเรื่องไฟประดับบนตัวช้างนั้น จะเป็นช่วงจังหวะของงาน และไฟนั้นไฟไม่แรงไม่มีผลต่อผิวหนังช้าง 

ส่วนควาญหนู เจ้าของพลายเทวฤทธิ์ กล่าวว่า ตนขอบอกเลยว่าไฟที่ติดที่ตัวช้างนั้นจะมีผ้ารอง และเป็นไฟราวที่โวลล์ไม่แรง พร้อมกันนี้ถ้าไฟร้อน ช้างจะอยู่ไม่สุขจะใช้หางสะบัดออก ส่วนสีที่ทาบนตัวช้าง หรือเขียนบนหัวช้างนั้น ไม่มีผลต่อผิวของช้างอีกด้วย

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส