สัญญาณบวก 2 ชาติมหาอำนาจ โจ ไบเดน-สี จิ้นผิง หารือทวิภาคีซึ่งหน้า

 

สัญญาณบวก 2 ชาติมหาอำนาจเจอกัน ครั้งแรกในรอบปี โจ ไบเดน -สี จิ้นผิง หารือทวิภาคีซึ่งหน้า นอกรอบประชุมเอเปค 

วันที่ 15 พ.ย. 66 (ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่คฤหาสน์ฟิโลลี นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้การต้อนรับ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพื่อพบปะหารือกัน ระหว่างการประชุมระดับประธานาธิบดีจีน-สหรัฐฯ 

โดย สีจิ้นผิง กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเชิงภาวะวิสัยที่ว่าจีนและสหรัฐฯ มีความแตกต่างทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ระบบสังคม และวิถีการพัฒนา ทว่าตราบเท่าที่จีนและสหรัฐฯ เคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และแสวงหาความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายย่อมจะสามารถเอาชนะความแตกต่างเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ และแสวงหาหนทางอันถูกต้อง เพื่อสองประเทศใหญ่เดินหน้าไปด้วยกัน 

สีจิ้นผิง กล่าวว่า นับเป็นเวลา 1 ปีแล้ว ตั้งแต่ตน และโจ ไบเดน พบปะหารือกันที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ซึ่งมีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยโลกได้หลุดพ้นจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังคงตกอยู่ภายใต้ผลกระทบมหาศาลจากโรคระบาดใหญ่ เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวแต่ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัว ห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานยังคงตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงหยุดชะงัก และลัทธิคุ้มครองทางการค้ากำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัญหาร้ายแรง 

“ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ควรเป็นที่ตระหนักเข้าใจ และวางแผนภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่ไม่เคยพานพบในรอบศตวรรษ โดยความสัมพันธ์นี้ควรพัฒนาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของสองประเทศ และปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ” สีจิ้นผิง กล่าว 

สีจิ้นผิง กล่าวว่า ในระยะเวลา 50 กว่าปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นโดยตลอด มักจะประสบปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอมา ทว่าความสัมพันธ์นี้ยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางสถานการณ์อันยุ่งยากสลับซับซ้อน สำหรับสองประเทศใหญ่ เฉกเช่นจีนและสหรัฐฯ การหันหลังให้กันไม่ใช่ตัวเลือก การพยายามเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายหนึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงความขัดแย้งและการปะทะเผชิญหน้าจะสร้างผลพวงร้ายแรงแก่ทั้งสองฝ่าย มุมมองที่ว่าการแข่งขันของประเทศใหญ่ มิใช่กระแสแห่งยุคสมัยปัจจุบัน และมิสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จีนและสหรัฐฯ หรือโลกเผชิญอยู่ได้ โดยโลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงพอที่สองประเทศสามารถประสบความสำเร็จได้ และความสำเร็จของประเทศหนึ่งเป็นโอกาสสำหรับอีกประเทศ 

สีจิ้นผิง กล่าวว่า ในฐานะผู้นำของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ตนและ โจ ไบเดนได้แบกรับภาระความรับผิดชอบอันหนักหน่วง เพื่อประชาชนของสองประเทศ เพื่อโลก และเพื่อประวัติศาสตร์ เฝ้าหวังจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึก และบรรลุความเข้าใจใหม่กับโจ ไบเดน ในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ สำหรับการกำหนดทิศทางของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพและการพัฒนาของโลก 

“ปัญหาต่างๆ ที่สังคมมนุษย์กำลังเผชิญอยู่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยปราศจากความร่วมมือระหว่างประเทศใหญ่ จีนและสหรัฐฯ ควรทำให้เป็นแบบอย่าง ยกระดับการประสานงานและความร่วมมือในประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาค และจัดสรรสินค้าสาธารณะแก่โลกมากขึ้น  ทั้งสองฝ่ายควรเปิดกว้างต่อกันและกัน หรือประสานงานและเชื่อมโยงกันเพื่อการทำงานร่วมกัน” สีจิ้นผิง กล่าว 

ด้าน โจ ไบเดน กล่าวว่า ตนให้คุณค่ากับการสนทนากับสีจิ้นผิง เพราะคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ผู้นำทั้งสองจะเข้าใจกันอย่างชัดแจ้ง พร้อมเสริมว่าพวกเขาจำเป็นต้องรับรองว่าการแข่งขันไม่ได้หักเหกลายเป็นความขัดแย้ง และจำเป็นต้องกำกับดูแลการแข่งขันนั้นอย่างมีความรับผิดชอบ ความท้าทายสำคัญระดับโลกที่ทั้งสองประเทศเผชิญ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปราบปรามยาเสพติด จนถึงปัญญาประดิษฐ์ ต้องการความพยายามร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย

 

ขอบคุณข่าว/ภาพ สำนักข่าวซินหัว