คุมตัวผัว สาวอบต.ชี้จุดเกิดเหตุ ฆ่าโบกปูน เมียเพราะหึงหวง มีการวางแผนร้องขอให้เพื่อนสวมรอยเป็นเมียเขียนจดหมาย ทำนองออกจากบ้านไปเอง
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 26 พ.ย.ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ควบคุมตัวนายประสิทธิพร พัฒน์มาก อายุ 39 ปี อดีตสามีของ น.ส.กวินนา หรือ ฝน บุณเมศวร์ อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ วิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ อบต.เพิ่มพูนทรัพย์ อ.บ้านนาสาร ไปชี้ที่เกิดเหตุหลังให้การรับสารภาพในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย
ทั้งนี้จากการสอบสวนปากคำนายประสิทธิพร ให้การรับสารภาพว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.วันที่ 13 พ.ย. ตนและภรรยา มีปากเสียงกันเกี่ยวกับเรื่องความหึงหวงเนื่องจากทราบว่าในช่วงที่ผ่านมาภรรยาได้คุยกับคนอื่น และตนถูกภรรยาใช้ถ้อยคำที่ดูถูกเหยียดหยามจนไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ ได้ตรงเข้าไปผลักจนภรรยาล้มลงบนที่นอน ก่อนจะตามเข้าไปบีบคอ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที จนภรรยาแน่นิ่งไป และพบว่าภรรยาเสียชีวิต จึงได้หาทางเคลื่อนย้ายศพ เพื่อปกปิดความผิด
จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ตนได้นำศพของภรรยา ขึ้นรถยนต์กระบะ วางศพไว้ที่เบาะนั่งตอนหน้าคู่กับคนขับ แล้วขับมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยใช้ถนนสาย นาสาร-สุราษฎร์ธานี ผ่านตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปตามถนนสาย 417 มุ่งหน้าเข้าถนนสาย 41 แล้วขับล่องใต้ไปจนถึง อ.เวียงสระ แต่ไม่สบโอกาสในการทิ้งศพ จึงได้ย้อนกลับมาตามถนนสาย นาสาร - สุราษฎร์ อีกครั้ง และตัดสินใจใช้ทางลัดมุ่งหน้าเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จนพบจุดทิ้งศพ โดยได้นำร่างของภรรยา ไปวางไว้ใกล้ท่อระบายน้ำดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 14 พ.ย.
จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ย.ได้นำที่นอนไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าในเขตเทศบาลนาสาร แต่ร้านปิดจึงได้ทิ้งที่นอนไว้หน้าร้าน จนเมื่อมีผู้ทราบว่าภรรยาได้หายตัวไปและมีผู้มาตามหาที่บ้าน จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ ที่โรงพักบ้านนาสาร เมื่อเวลาประมาณเที่ยงวันของวันที่ 15 พ.ย. โดยหลังจากแจ้งความเสร็จแล้ว ตนได้ย้อนกลับมาดูที่ทิ้งศพอีกครั้ง และเกรงว่าจะมีผู้มาพบศพ จึงได้ไปจัดเตรียมซื้อปูน และทราย มาโบกศพ ภรรยาในวันที่ 16 พ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. และระหว่างเดินทางกลับบ้านพัก ก็ได้นำทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยา เช่นโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ ไปทิ้งตามจุดต่างๆ
นายประสิทธิพร ยอมรับด้วยว่า หลังจากที่เข้าแจ้งความคนหาย และพบว่าตำรวจยังไม่มีเบาะแส หรือพบศพภรรยา จึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ ด้วยการสร้างสถานการณ์ ร้องขอให้เพื่อนที่อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการเขียนจดหมาย ในลักษณะเป็นจดหมายของภรรยาให้ส่งไปถึงเพื่อนที่อำเภอหาดใหญ่ ในลักษณะว่าภรรยาออกจากบ้านไปเอง.