แห่เข้าคิวเช็กยอด - ถอนเงินไร่ละพันแน่น ธ.ก.ส.

6 ธ.ค. 66

ชาวนาบุรีรัมย์แห่เข้าคิวเช็กยอด - ถอนเงินไร่ละพันแน่น ธ.ก.ส. หลายคนมารอตั้งแต่ก่อนเปิดทำการ เพราะรีบนำเงินไปจ่ายค่ารถเกี่ยวและค่าปุ๋ยที่ติดค้างไว้ 

วันนี้ (6 ธ.ค.66) ชาวนาจากหลายตำบลในเขตอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้พากันนำสมุดบัญชี และบัตรเอทีเอ็ม ไปปรับเช็กยอดเงิน และถอนเงิน ค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาอิสาณ อ.เมือง  จ.บุรีรัมย์ อย่างคึกคักจนแน่นธนาคาร บางคนมารอตั้งแต่ก่อนเปิดทำการ แต่ชาวนาบางคนก็ไม่สามารถถอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มได้ เพราะบัตรเอทีเอ็มหมดอายุ บางคนจำรหัสบัตรไม่ได้เพราะไม่ได้ใช้นาน จำเป็นต้องรอคิวทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ และบางคนก็เลือกใช้สมุดบัญชีเบิกถอนเงินที่หน้าเคาน์เตอร์เลย เพราะต้องการนำเงินช่วยเหลือจากโครงการรัฐบาลไร่ละ 1,000 บาทดังกล่าวไปจ่ายค่าเก็บเกี่ยว และค่าปุ๋ย ที่ติดค้างไว้ก่อนหน้านี้

โดยชาวนาที่มาเข้าคิวรอปรับเช็กยอดเงินและถอนเงินที่ ธ.ก.ส.ในวันนี้ ต่างบอกว่ารู้สึกดีใจที่ได้รับเงินค่าเก็บเกี่ยว เพราะจะได้นำเงินดังกล่าวไปจ่ายค่ารถเกี่ยวและค่าปุ๋ยที่ค้างเอาไว้ แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลเพิ่มวงเงินค่าเก็บเกี่ยวจากไร่ละ 1,000 บาท เป็นไร่ละ 1,500 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าปุ๋ยที่แพงขึ้นเกือบเท่าตัว อย่างไรก็ตามมีชาวนาบางคนที่ตั้งใจจะมาถอนเงินแต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะเช็กแล้วยังไม่มีเงินโอนเข้า ก็ไม่รู้ว่าติดขัดที่ขั้นตอนไหน ซึ่งก็ต้องเสียเวลารอคิวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้  

นายชัยอารี​ย์​ เขินไพร​ อายุ​ 65​ ปี​ ชาวนาบ้านหนองสองห้อง​ ต.สองห้อง​ บอกว่า ทำนาทั้งหมด​ 25​ ไร่ แต่ได้รับค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท 20 ไร่ รวมเป็น 20,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวที่รัฐบาลช่วยค่าเก็บเกี่ยวก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สอดคล้องกับต้นทุนในการลงทุนทำนาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ต้นทุนทั้งค่าไถ ค่าปุ๋ย ค่ารถเกี่ยวรวมแล้วกว่า 30,000 บาท ขณะที่ราคารับซื้อข้าวเปลือกกลับตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 9 – 11 บาทเท่านั้นไม่คุ้มทุน แต่ชาวนาก็ยังจำเป็นต้องทำเพราะหากไม่ทำก็ต้องซื้อข้าวกินในราคาที่สูงอีก ก็อยากให้มีโครงการนี้ต่อเนื่อง และหากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มวงเงินเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย

ส่วนนายเปี๊ยก แกรัมย์ ชาวนาอีกคนที่ตั้งใจจะมาถอนเงินค่าเก็บเกี่ยวเพื่อไปจ่ายค่าปุ๋ย แต่กลับไม่พบเงินโอนเข้าบัญชี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าติดขัดที่ขั้นตอนไหนก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้อีกครั้ง แต่หากถามว่าเงินไร่ละพันดังกล่าวแม้จะช่วยแบ่งเบาได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นโครงการที่ดีเพราะถ้าไม่มีโครงการนี้มาช่วยก็คงเดือดร้อนหนักกว่านี้ เพราะค่าปุ๋ยแพงมาก หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มวงเงินค่าเก็บเกี่ยวจากไร่ละ 1,000 บาท เป็นไร่ละ 1,500 บาท ถึงจะสอดคล้องกับต้นทุน

นายสมยศ โยสาจันทร์ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพการผลิตเกษตรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/2567 ของรัฐบาลมีเป้าหมายทั่วประเทศ 4.68 ล้านครัวเรือน เริ่มจ่ายเงินวันที่  28 พฤศจิกายน 2566

จากข้อมูลพบว่าโครงการนี้จังหวัดบุรีรัมย์ มีเป้าหมายอยู่ 178,825 ครัวเรือน จำนวนเงินที่ต้องโอน 2,154,381 บาท  ขณะนี้โอนสำเร็จแล้ว 178,821  ครัวเรือน  เป็นเงิน 2,145,340  บาท ยังโอนไม่สำเร็จ 4 ครัวเรือน เนื่องจากบัญชีถูกอายัด บัญชีถูกปิด  และมีปัญหาขัดข้องเกี่ยวกับบัญชี ซึ่งเจ้าของบัญชีต้องมาติดต่อและดำเนินการแก้ไขถึงจะสามารถโอนเข้าได้.

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส