“แพทองธาร” ยกพระราชดำรัสในหลวง รวมคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลั่นครอบครัว “ชินวัตร” ไม่ใช่เจ้าของเพื่อไทย แต่เป็นของทุกคน บอกผู้นำที่ดีต้องมีทีมที่แข็งแกร่งแม้จะมีวันที่ทุกข์แต่ก็จะมีวันที่สุขแน่นอน
วันที่ 2 ของการสัมมนาพรรคเพื่อไทย เป็นการบรรยายสรุปกิจกรรมในวันแรกให้กับ สส. และสมาชิกพรรคได้ฟัง ก่อนมีบรรยายในหัวข้อ “ถอดบทเรียนเพื่อไทย ผ่านวิกฤตเลือกตั้ง” โดย ดร.กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช เพื่อจัดวางจังหวะก้าวในการขับเคลื่อนและสร้างโอกาสให้พรรคเพื่อไทยพลิกฟื้นกลับมาได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอันดับ 1 อีกครั้ง
จากนั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวบรรยายพิเศษและกล่าวปิดการสัมมนา ว่าการมาร่วมสัมมนาครั้งนี้ทำให้อบอุ่นขึ้น ใกล้ชิดขึ้น บางคนอยากให้จัดแบบนี้ทุกเดือน แต่ก็คงจัดยาก จึงอาจจะมีการจัดทุกปี
ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีการระดมสมองจากพรรคเพื่อไทยอีก 4 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
พรรคเพื่อไทยมีดีเอ็นเอมาจากพรรคไทยรักไทยตนเองก็เป็นดีเอ็นเอ มาจากผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แต่ดีเอ็นเอที่พูดถึงไม่ได้หมายความถึงสายเลือด หรือตระกูล แต่หมายความถึงจุดรวมของพวกเราว่าเราเป็นพรรคการเมืองที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นพรรคการเมืองที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นพรรคการเมืองที่อยากทำให้ประชาชนมีความผาสุข เน้นเรื่องเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ปากท้องมากกว่าการที่จะสร้างวาทะกรรมทางการเมือง ซึ่งตลอดสามเดือนที่ผ่านมามีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสร้างผลงานอย่างรวดเร็ว ถึงรัฐมนตรีก็ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่
ตนขออัญเชิญพระราชดำรัสของในหลวงที่ทรงตรัส ไว้เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ถึงคนรุ่นใหม่ว่า “ทุกคนในที่นี้และตัวพระองค์เองก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาแล้วทั้งนั้น” ประโยคนี้สั้น ๆ แต่ลึกซึ้ง และมีความหมายมาก ซึ่งแปลว่าคนรุ่นเก่าก็เป็นคนรุ่นใหม่มาก่อน แต่เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร และมีความคิดที่จะช่วยจะรักษาพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร นั่นก็คืออัพเดทความรู้ซึ่งกันและกัน อัพเดทในสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้มากที่สุด ปรึกษากันให้ความรู้ซึ่งกันและกันทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นใหม่ รวมถึงต้องมีการติดตามเทคโนโลยี เพื่อให้วัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก๋าเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและเกิดประโยชน์ของประชาชนดังนั้นพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของตนเอง จะทำงานให้มีประสิทธิภาพ คือการทำให้เสาหลักของทางเราทั้งสามขาคือ รัฐบาล พรรค และสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งรัฐบาลทำงานในการบริหารประเทศ สภาคือ สส. เข้ามาทำงานในสภา รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน เพื่อใช้พื้นที่ในสภาในการแก้ไขปัญหา ส่วนเรื่องของพรรคคือการทำหน้าที่รับฟังเสียงประชาชน ทำงานให้อยู่ในระบบดิจิทัลทั้งหมด ทำงานใช้ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ทั้งนี้เรากำลังทำระบบเครือข่ายครอบครัวเพื่อไทย ให้พี่น้องสามารถเข้าใกล้เรา เข้าใจการเมือง เข้าใจการสื่อสารของการทำงานของ สส. ทุกท่าน และนำ Think Tank กลับมาใหม่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ อยากให้เราได้ทบทวนถึงสิ่งเกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนต่อไป
"ครอบครัวของอิ๊งไม่ใช่เจ้าของพรรคเพื่อไทย แต่เราทุกคนคือเจ้าของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของผู้นำที่เก่งไม่ว่าจะเป็นท่านทักษิณ ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ท่านนายกเศรษฐา จะทำสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่มีทีมที่สมบูรณ์ ทีมที่เก่ง ทีมที่คอยบอกว่าสิ่งนี้ดีแล้ว สิ่งนี้ยังต้องเพิ่มเติม การนำของผู้นำที่ดีต้องมีผู้ตามที่คอยเป็นห่วงที่แข็งแรงเหมือนพรรคเพื่อไทย ถึงจะทำให้การนำที่ดีสำเร็จได้"
นางสาวแพทองธารกล่าวด้วยว่า อยากจะบอกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ความสำเร็จทุกอย่างเป็นความสำเร็จของทุกคน อยากจะบอกทุกคนว่าพรรคเพื่อไทยคือบ้านของเรา ทั้ง สส.เก่า และสส.ใหม่ นี่คือบ้านของเรา ต่อจากนี้เราจะมาสร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรงไปด้วยกัน ให้พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งของประชาชนไปด้วยกัน มีอะไรขอให้ปรึกษากัน ให้กำลังใจกัน มีวันที่ทุกข์แน่นอน แต่วันที่สุขก็ต้องมาอย่างแน่นอนเช่นกัน จึงขอให้กำลังใจทุกคน