ไม่รอด! เจอ 4 ข้อหาหนัก กลุ่มวัยรุ่นแก๊งแว้นกัมพูชา อาละวาดทำร้ายคนไทย

ไม่รอด! เจอ 4 ข้อหาหนัก กลุ่มวัยรุ่นแก๊งแว้นกัมพูชา อาละวาดทำร้ายคนไทยบาดเจ็บ ขยายผลหาตัวคนโพสต์ประกาศจะฆ่าคนไทยทุกคน 

จากกรณีที่มี กลุ่มวัยรุ่นแก๊งแว้นกัมพูชา ประมาณ 10 คน นำอาวุธปืนหลายชนิด และหลายกระบอก พร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืน โพสต์ลงในโซเชียล เพื่อท้าทายกลุ่มวัยรุ่นไทยคู่อริ จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์ไล่ทำร้ายคนไทย บนถนนสายอ่างทอง-วังล่าง ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกมีดฟันเข้าที่แขนและศีรษะ สาหัส 1 ราย อีกทั้งยังพบว่า มีการปาระเบิด และใช้อาวุธปืนยิง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกติดตามหาเบาะแสของกลุ่มวัยรุ่นแก๊งแว้นกัมพูชาดังกล่าว เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดี เพราะเป็นการกระทำที่รุนแรง และสร้างความหวาดกลัวให้คนในหมู่บ้านนั้น 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านกร่ำ ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวกัมพูชาได้แล้ว 3 คน 

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. 66 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง พ.ต.อ.ศิริชัย ธาราธาร ผกก.สภ.บ้านกร่ำ อ.แกลง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม กลุ่มวัยรุ่นแก๊งแว้นกัมพูชาที่ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ด้วยการใช้ระเบิดปิงปองปาใส่รถจักรยานยนต์วัยรุ่นไทยในพื้นที่ จนเสียหลักล้ม ก่อนจะลงมาใช้อาวุธมีดฟันจนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดพื้นที่ ต.กร่ำ อ.แกลง เมื่อคืนวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยจับกุมได้ 3 ราย ประกอบด้วย นายหง ลี ,นายเทีย รา อายุ 19 ปี และนายมั๊บ อายุ 24 ปี 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนัก ได้แก่ พยายามฆ่า มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และโดยปราศจากเหตุอันสมควร รวมทั้งเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและอยู่ราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งตัวดำเนินคดี พร้อมยึดของกลาง มีกระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 จำนวน 17 นัด มีดดาบซามูไร 3 เล่ม มีดสปาต้า 2 เล่ม หมวกกันน็อก 3 ใบ และชิ้นส่วนผลิตระเบิดที่ถูกแกะออกจำนวนหนึ่ง โดยยึดไว้เป็นหลักฐาน 

ซึ่งจากการสอบปากคำทั้ง 3 คน สารภาพมีมูลเหตุจูงใจจากเรื่องส่วนตัวระหว่างกลุ่มวัยรุ่นชาวกัมพูชา และกลุ่มวัยรุ่นคนไทย โดยวันเกิดเหตุได้มีการนัดในเฟซบุ๊กกัน โดยตกลงกันมาชกต่อยกัน แต่ผู้ต้องหาได้นำอาวุธปืนมาด้วย ได้ยิงผู้เสียหาย แต่ไม่ถูก จึงใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายจนแน่นิ่ง จึงหลบหนีไป โดยหลังเกิดเหตุได้นำอาวุธปืนไม่ทราบชนิดไปทิ้ง เนื่องจากจำสถานที่ไม่ได้ เป็นเวลากลางคืน และเร่งรีบทิ้ง ซึ่งจากนี้จะมีการสอบปากคำพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม เร่งค้นหาอาวุธปืน และอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมกับจะขออนุมัติหมายจับเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลือต่อไป 

นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง กล่าวว่า แรงงานชาวกัมพูชาที่ก่อเหตุ เป็นแรงงานมารับจ้างในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเป็นความสมัครใจของทั้ง 2 กลุ่มวัยรุ่น นัดกันมาก่อเหตุกัน ซึ่งจะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายทั้ง 2 กลุ่มอย่างตรงไปตรงมาและเต็มที่ ทั้งนี้ในส่วนมาตรการดูแลเรื่องแรงงานได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจสอดส่องดูแลไม่ให้ทะเลาะกันอีก และกำชับนายจ้างให้ดูแลลูกจ้างชาวต่างด้าวไม่ให้มาก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับคนไทยอีก หากเกิดเหตุขึ้นมาอีกจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป ส่วนที่มีการโพสต์ลงในโซเชียลท้าทายและจะฆ่าคนไทยนั้น บ้านเมืองมีกฎหมายจะทำอย่างนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นการสร้างความรู้สึกร้าวฉานต่อกันในหมู่พี่น้องชาวไทย และชาวกัมพูชา เชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล อย่างไรก็ตามจะมีการสอบสวนขยายผลที่ชัดเจนหาต้นตอคนโพสต์และสาเหตุที่โพสต์ต่อไป 

ด้าน พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ กล่าวว่า ในประเด็นที่มีการโพสต์ข้อความลักษณะที่ปรากฏในโซเชียลดังกล่าวนั้น ทาง พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 มีความกังวล และห่วงใยในเรื่องที่โพสต์อาจสร้างความเกลียดชังเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล และบุคคลที่ปรากฏในโซเชียลทั้ง 17 คน ก็จะสืบหาสอบสวนว่าบุคคลใดเป็นคนโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก และบุคคลในภาพดังกล่าว หากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีโดยให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่ายด้วย