หมอไขข้อสงสัย เจ้าชายสิทธัตถะ เกิดแล้วเดินได้ 7 ก้าว จริงหรือไม่ ทางการแพทย์เรียกการคลอดเอาเท้าออกว่าเป็นท่า footling breech presentation
พุทธประวัติของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ามีพระนามเดิมว่า "สิทธัตถะ" เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา ประสูติในตระกูลกษัตริย์ ในวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี ณ สวนลุมพินีวัน เมื่อประสูติแล้วทรงพระดำเนินได้ 7 ก้าว โดยมีดอกบัวรองรับ จากนั้นยกพระหัตถ์ขวา และกล่าววาจาขึ้นได้ทันที ซึ่งพุทธประวัตินี้ เป็นเรื่องราวที่หลายคนใฝห้ความสงสัย ไม่ใช่เพียงแต่ชาวพุทธ แต่เรื่องนี้ยังเป็นข้อสงสัยทั่วโลกว่า สามารถเป็นไปได้หรือไม่ในทางวิทยาศาสตร์
ล่าสุด นพ.สมรส พงศ์ละไม ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง เจ้าชายสิทธัตถะ เกิดแล้วเดินได้ 7 ก้าว มีดอกบัวผุด จริงหรือเปล่า ปาฏิหาริย์ vs วิทยาศาสตร์ โดยระบุว่า
ปาฏิหาริย์ vs วิทยาศาสตร์
ในทางการแพทย์เรียกการคลอดเอาเท้าออกว่าเป็นท่า footling breech presentation
กรณีนี้แม่จะเสี่ยงต่อการเสียเลือดและติดเชื้อเพิ่มกว่าท่าปกติที่เอาหัวออก (cephalic presentation) เพราะอาจติดแขนเด็ก ทำให้บาดเจ็บ เสียเลือดได้มากกว่าปกติ
ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมก็เสียชีวิตได้ใน 5-7 วัน เพราะเสียเลือด (hypovolumic shock) หรือติดเชื้อ (septic shock)
ในสมัยก่อนการคลอดลูกเสี่ยงสูงมากที่แม่หรือลูกจะตาย ในทางการแพทย์เราพูดกันว่าโอกาสตาย 50/50
ซึ่งมารดาเจ้าชายก็เสียภายใน 7 วัน ไม่มี ICU ไม่มีการให้เลือด ไม่มียาฆ่าเชื้อ
การเดินได้ 7 ก้าว = เวลาเด็กคลอดท่าเท้าออก เมื่อเท้าสัมผัสพื้นก็จะขยับเท้าอัตโนมัติเรียกว่า stepping reflex ทำให้ดูเหมือนการก้าว
ดอกบัวผุด = เวลาลูกกษัตริย์เกิดในป่า ทางวังจะเตรียมอุปกรณ์หลายอย่างที่แสดงถึงความบริสุทธิ์และการเกิดใหม่ของเทพ หนึ่งในนั้นคือ ผ้าขาว ดอกไม้ เครื่องหอม ใบบัว และดอกบัว จะกี่ดอกขึ้นกับพราหมณ์หลวง ดังนั้นจังหวะที่ footling breech และขาแตะพื้นเกิด stepping reflex จึงดูเหมือนก้าวเดินบนดอกบัว
2,000 ปีก่อน ทุกศาสนาล้วนสร้างอภินิหารให้คนเชื่อ ในพระไตรปิฎกก็มีการแต่งเติมข้อความไปมากกว่าคำพุทธเจ้า 70% ไม่แปลกที่จะใส่อภินิหารเข้ามา แต่สิทธัตถะเป็นแค่เด็ก ไม่ใช่พุทธเจ้า ยังไม่มีฤทธิ์ใดๆ
ชื่อเจ้าชายสิทธัตถะก็ปรากฏแค่ในพระไตรปิฎก 2 เล่ม เป็นคำบอกเล่ามาจากพระรูปอื่น มิได้มาจากปากพระพุทธเจ้า
เรื่องนี้ไม่มีใครเกิดทัน ไม่มีหลักฐาน และไม่เป็นไปเพื่อปัญญาหรือการหลุดพ้น เหมือนอธิบายเรื่องควอนตัมฟิสิกส์ก็ไม่ทำให้คนทั่วไปอิ่มท้องได้
ยุคนี้เป็นยุคของปัญญานำศรัทธา
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว มักเรียบง่าย ตรงไปตรงมา
นพ. สมรส (ที่แปลว่า เสมอกันด้วยรสแห่งธรรม)
DrSomros #ScientificBuddhism
ปล.
1- ส่วนตัวผมเป็น Scientific Buddhism, เชื่อว่ามนุษย์มีอารยธรรมโซเชียลทุกวันนี้ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพราะไสยศาสตร์, เราใช้มือถือได้เพรราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่ใช่เพราะการเชื่อมจิต
2- เนื้อหานี้เคยเขียนไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว 30,000+ shares, พี่ๆนักข่าวและพี่ๆ influencer สามารถนำไปทำ content ได้ตามเหมาะสม ไม่ต้องขออนุญาต แค่อย่าพาดหัวดราม่ามากเกินไปนะครับ
3- ยามที่ผู้คนยามลำบากจิตใจท้อแท้ ก็จะหวังพื่งพาน้ำวิเศษ หินวิเศษ คนวิเศษเพื่อให้ตนเองสบายใจ แต่สุดท้ายความคิดเช่นนี้จะกลับมาทำร้ายตัวเอง และขัดขวางความเจริญของตนเองและประเทศชาติ พระพุทธเจ้ากล่าวว่ามิจฉาทิฐิเหล่านี้ ขัดขวางการหลุดพ้น