งงตำรวจจับแพะ? แฉ 2 ใน 5 ทรชนฆ่า “บัวผัน” สาวใหญ่ทิ้งสระน้ำเป็นลูกตำรวจ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ชอบรวมตัวส่งเสียงดังก่อกวนชาวบ้าน
จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.บัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี ที่กลุ่มวัยรุ่น 5 คน ฆ่าทิ้งสระน้ำข้างโรงเรียน ใน จ.สระแก้ว ซึ่งไม่ใช่ฝีมือ นายปัญญา คงแสนคำ อายุ 54 ปี หรือ ลุงเปี๊ยก สามีผู้ตาย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
วันที่ 15 ม.ค. 67 ด.ช.แบงค์ อายุ 14 ปี หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุฆ่านางบัวผัน เปิดใจว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่อง กลุ่มตนและเพื่อนจำนวนอีก 4 คนได้ไปรวมตัวยังร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากจุดที่ปรากฎตามภาพกล้องวงจรปิดก่อนหน้านี้ประมาณ 500 เมตร โดยนายเชน อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นลูกของตำรวจสืบสวนสอบสวน สภ. อรัญประเทศ บอกว่า พาวเวอร์แบงค์หาย คาดว่า น.ส.บัวผันน่าจะเป็นคนขโมยไป โดยอ้างว่าให้กลุ่มตนเขาไปทวง ก่อนจะพยายามขี่รถไล่ตาม
โดยมีรถจักรยานยนต์สองคัน คันแรกที่ซ้อนด้วยกัน 3 คน จะมีตนเป็นคนขับ ด.ช.กัสนั่งกลาง และนายบิ๊กนั่งอยู่หลังสุด ส่วนอีกคันก็จะมีนายเชนขับ และ ด.ช.โก๊ะซ้อนท้าย ก่อนจะขับตามไปจนเจอ น.ส.บัวผันนั่งอยู่บริเวณร้านสะดวกซื้ออีกแห่ง ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ โดยอ้างว่าผู้ที่ทำร้ายผู้ตายมีเพียงสองคนคือ นายเชนและ ด.ช.โก๊ะ ก่อนจะพยายามอุ้มร่าง น.ส.บัวผัน ไปยังสระน้ำที่เกิดเหตุ ก่อนจะใช้เหล็กฟาดผู้ตาย และโยนร่างทิ้งน้ำ ขณะที่ผู้ตายยังมีลมหายใจอยู่ ก่อนทุกคนจะขี่รถออกไป จากนั้นก็อ้างว่านายเชนและ ด.ช.โก๊ะ 2 คนก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาดูอีกครั้ง ก็พบว่า น.ส.บัวผันได้เสียชีวิตแล้ว
ด.ช.แบงค์ กล่าวต่อว่า โดยหลังจากเกิดเรื่อง ตนและกลุ่มเพื่อนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งมาพบว่าเกิดเป็นข่าวพบร่างของ น.ส.บัวผัน และกลับกลายว่าสามีของเขาเป็นคนที่ตำรวจบอกว่าเป็นคนก่อเหตุ ตอนแรกก็ค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะ 2 ใน 5 คน เป็นลูกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งเมื่อเย็นวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาหาตนที่บ้าน ก่อนจะเรียกไปให้ปากคำที่โรงพักสุดท้ายนี้จึงอยากขอโทษไปยังครอบครัวของผู้ตาย
ขณะที่นางปราง มลสายกุล อายุ 55 ปี พี่สาวผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องตอนนี้ทางครอบครัวมองว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. อรัญประเทศ ถึงมีการจับผู้ต้องหาในคดีนี้ผิดตัว แล้วทำไม ลุงเปี๊ยกถึงไปรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนทำตามภาพกล้องวงจรปิด
ส่วนตอนนี้เรื่องที่มีความกังวลที่สุดก็น่าจะมาจาก 2 ใน 5 กลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมกันก่อเหตุนั้น มีลูกของเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ รวมถึงก่อนหน้านี้ที่มีการจับแพะ จึงทำให้ทั้งครอบครัวมีความกังวลว่าสุดท้ายแล้วคดีจะอ่อน และไม่สามารถดำเนินคดีกับทางผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้
เมื่อถามว่า อยากให้ทางกลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุมาขอขมาร่าง น.ส.บัวผันหรือไม่ นางปราง กล่าวว่า ไม่ต้องมาจะดีกว่า อยากให้น้องไปอย่างสบาย ไม่ต้องมากังวลในเรื่องของคดี
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่รายหนึ่ง เปิดเผยถึงพฤติกรรมของวัยรุ่นกลุ่มนี้ว่า วัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่ได้เรียนหนังสือ และมักรวมตัวกันเป็นประจำที่บ้านของ ด.ช.แบงค์ มักจะเบิ้ลรถส่งเสียง และสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านเวลากลางคืน รวมถึงก่อนหน้านี้มักถืออาวุธมีดวิ่งฟันกันเอง ไม่สนใจชาวบ้านที่ใช้รถใช้ถนน ซึ่งชาวบ้านบางคนก็กลัวที่จะโดนลูกหลง หลายครั้งจะเห็นว่า มีตำรวจมารับลูกออกจากบ้านหลังนี้อยู่บ่อยครั้ง
โดยมีครั้งหนึ่งที่ตนนำเรื่องนี้ไปบอกกับยายของ ด.ช.แบงค์ ก็ทำให้เขาไม่พอใจ บอกว่าจะมาเผาร้านของตนเองหากยังไปยุ่ง ซึ่งเขาไม่ได้พูดแค่ครั้งเดียว พูดหลายครั้ง จนกระทั่งก่อนที่จะมาเกิดเหตุครั้งนี้
พอมาดูข่าวก็รู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่าเด็กกลุ่มนี้ได้ไปฆ่า น.ส.บัวผัน ซึ่งตนเองก็รู้จักเหมือนกัน หลังจากเกิดเรื่องก็เกิดความกังวล เพราะตนก็รู้จัก และมีปัญหากับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้เหมือนกัน