"บูม สุภาพร" ต่อสู้โรคแพนิค รักษาตัว 6 ปี ทรมานทุกครั้งที่หลับตานอน

ต่อสู้โรคแพนิค! บูม สุภาพร รักษาตัว 6 ปี ทรมานทุกครั้งที่หลับตานอน ต้องกินยาตามคำสั่งแพทย์อย่างต่อเนื่อง

เห็นเบื้องหน้าพกพารอยยิ้มและความสดใส แต่ชีวิตจริงนางเอกและพิธีกรสูงยาวเข่าดี บูม สุภาพร ต้องเผชิญกับอาการป่วยโรคแพนิค กินยารักษาตัวสลับเข้าโรงพยาบาลปรึกษาหมอมายาวนอนกว่า6ปี ล่าสุดขอแชร์ประสบการณ์การต่อสู้โรคแพนิค ผ่านรายการโต๊ะหนูแหม่ม เล่าถึงการต่อสู้โรคนี้หลังอาการที่เธอเป็นเริ่มดีขึ้น แต่ต้องกินยาตามคำสั่งแพทย์อย่างต่อเนื่อง

เห็นทำคลิปลงโซเชียลออกมาพูดว่าป่วยมา6ปี แต่อาการดีขึ้นจนหยุดยาแล้ว?
"บูมเคยกินยาอยู่ ปี-2ปี แต่ช่วงโควิด เราไม่มีงาน ไม่ตื่นเต้นอะไร เราก็อยู่กับบ้าน เราก็เปลี่ยนจากการหยุดกินยา มาจิบไวน์แก้วสองแก้วก่อนนอน แต่กลายเป็นว่าเป็นการกระตุ้นมันอีก บลูจะบอกว่าการเป็นแพนิคมันเป็นไรที่ทรมานมาก นอนตอนกลางคืนเหมือนมีคนมาทุบหัวใจได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังมากทุกคืน อย่างดังจนนอนไม่หลับ ทุกครั้งที่ตื่นนอนเหมือนตกเหวทุกวัน คือมันเป็นช่วงเวลาที่บูมทรมานมากเลยนะคะ ยาช่วยได้มากเลยนะ"

อาการแพนิคที่เป็นอยู่นี้หยุดยาได้มั้ย?
"จริงๆหยุดไม่ได้ค่ะ แต่ยามันจะค่อยๆมีลดโดสของมัน คือมันก็จะมีลดของมัน ทุกครั้งที่เรานอนแล้วไม่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นจะดีใจมาก คือทุกครั้งที่นอนบูมเหนื่อยค่ะ บูมรู้สึกว่าบูมไม่อยากนอนเลยเพราะว่ามันเหนื่อยมากๆ เหนื่อยแบบว่ามันจะอะไรกันนักหนาเนี้ย ทุกครั้งที่เราตื่นขึ้นมาเราไม่ได้ตื่นมาแบบสดใสเหมือนในละครแต่มันตื่นมาเหมือน เหนื่อย..เฮือกใหญ่"

แล้วรักษาตัวอยู่กี่ปีกับโรคนี้?
"ตอนแรกบูมรักษาอยู่2ปี และหยุดยาไปเอง และมารู้สึกว่าเราเริ่มมีสัญญาณว่าจะกลับมาเป็นอีก คือเราเริ่มได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรมากระตุ้นนะคะ มันเหมือนรู้ว่าร่างกายเรามันไม่ไหว ด้วยความที่อาจจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องการดูแลตัวเองพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ไม่ได้กินยาต่อเนื่อง หยุดยาไปเอง ไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือว่าอะไรเหมือนหักดิบตัวเอง"

แล้วอาการกลับมาเป็นอีกหนักกว่าเดิมมั้ย?
"ไม่หนักกว่าเดิมค่ะ เพราะว่าหนักสุดของบูมคือเป็นลมไปเลย แต่อันนี้เหมือนเราเริ่มรู้แล้วว่าอาการจะมา เราก็เลยกลับไปหาหมอ หมอก็บอกว่าเก่งจังเลยหายไปตั้งหลายปี กลับมาอีกทีเริ่มใหม่แล้วกัน (หัวเราะ)"

รวมๆแล้วที่รักษาตัวเองอยู่กับอาการโรคนี้กี่ปี?
"รวมๆแล้วประมาณ6 ปี ซึ่งหลังจากกลับไปหาคุณหมอรู้สึกว่าเราดีใจมากเลย แต่หลายคนก็ถามว่าหายจริงหรือเปล่า จนเราสงสัยตัวเองว่าหายจริงมั้ย แต่เราก็เชื่อกับตัวเองว่าถ้าถามว่าแพนิคหายจริงชีวิตบูมมั้ย บูมว่าไม่ แต่ว่าเรามีประสบการณ์กับมันแล้ว เราจะรับมือกับมัน ว่าอาการที่เข้ามาตอนนี้เราจะเป็นลม อาการซ่าทั้งตัว หัวใจเต้นแรงแล้ว คือบูมไปซื้อนาฬิกาที่ต้องจับสัญญาณการเต้นของหัวใจ ก่อนจะขึ้นอีเวนท์บูมต้องฝึกหายใจให้คามดาวน์ เวลาเป็นแพนิคมันจะขึ้นเร็วมาก บ้างคนสูง 180-190-200 เวลาที่ขึ้นเร็ว ร่างกายจะออโต้ว่าร่างนี้กำลังจะตายแล้วนะ บ้างคนทวารทั้ง5ออกหมดเลย"