สุดทน ถูกแฟนหนุ่มตำรวจ ซ้อมอาการสาหัส หน้าพังรับรีวิวงานไม่ได้

10 ก.พ. 67

 

สาววัย 27 สุดทน ถูกแฟนหนุ่มตำรวจ ซ้อมอาการสาหัส แถมท้าแจ้งความ ตอนนี้ใบหน้าพัง ทำงานไม่ได้ เพราะต้องรีวิวครีมและสถานเสริมความงาม 

วันที่ 10 ก.พ.  67 ที่ จ.ชลบุรี น.ส.พรนิภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี และนางนิรมล อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นมารดา นำเอกสารหลักฐานใบรับรองแพทย์ ระบุว่า “ถูกทำร้ายร่างกาย ศีรษะแตกใบหน้าบวมช้ำ’’และได้โชว์บาดแผลฟกช้ำปากแตกขามีรอยเขียวช้ำ 

น.ส.พรนิภา เล่าว่า ตนกับแฟนเกิดการทะเลาะวิวาทกันทุกครั้งในตอนที่แฟนหนุ่มเมา ซึ่งแฟนหนุ่มเป็นตำรวจ ยศสิบตำรวจเอก อายุ 30 ปี สังกัดอยู่ที่ สน.แห่งหนึ่ง 

ซึ่งตนกับแฟนหนุ่มคบกันมา 2 ปี และเพิ่งได้มาอยู่ด้วยกันไม่ถึงเดือน แต่ในระยะไม่ถึงเดือน ตนถูกซ้อมและทำร้ายร่างกายมาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกวันที่ 5 ม.ค. 67 ครั้งที่2วันที่ 15 ม.ค. 67 และล่าสุดเมื่อวานนี้ ( 9 ก.พ. 67)  ซึ่ง 2 ครั้งแรกตนก็ทน แต่ครั้งนี้ตนไม่ทนแล้ว จึงได้ร้องสื่อขอความช่วยเหลือ 

บางครั้งที่ถูกทำร้ายร่างกายที่บ้านก็จะโดนเอาปืนมาขู่ เคยให้โอกาสมาแล้วหลายครั้งตนก็โดนทำร้ายมาตลอด ตอนนี้เจ็บปวดทั้งร่างกาย เมื่อคืนแม่ไปช่วยออกมา และแม่จะพาไปแจ้งความ ก็ถูกท้าให้ไปแจ้งความว่ามีพรรคพวกแจ้งไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาก็เป็นตำรวจเหมือนกัน ตอนนี้ตนเดือดร้อนหนักมากใบหน้าเสียโฉม และเจ็บ ทั้งตัวตนต้องไปรับงานไม่ได้ เพราะงานที่ตนทำเป็นงานรีวิวครีม และสถานเสริมความงาม ทำให้ตนต้องขาดรายได้ อยากฝากถึงผู้บังคับบัญชาของเขาได้ลงมาดูและให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง 

ด้านนางนิรมล ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า สิบตำรวจหนุ่มเมาแล้วมาที่บ้าน หลังจากที่ตนได้ไปช่วยลูกสาวออกมาจากห้องของแฟนหนุ่ม หลังลูกสาวโทรมาขอความช่วยเหลือว่าถูกทำร้าย พอพาลูกสาวเข้าบ้านแล้วนายตำรวจก็ตามมา ลูกสาวไม่เปิดบ้านให้ก็มีการพังประตูบ้านแล้วโวยวายได้รับความเสียหาย ตนก็บอกว่าลูกสาวบอกว่าเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว กลับไปเถอะจน กระทั่งนายสิบตำรวจตกลงกันว่ามาพูดคุยกัน แล้วนายสิบตำรวจก็มีการพูดคุย แต่พอเข้าบ้านไม่ได้ก็ยังเดินไปมา และยังด่าอยู่ 

ตนก็บอกจะไปแจ้งความ นายสิบตำรวจก็ท้าให้ไปแจ้งความว่าไปแจ้งเลย เพราะต่อให้แจ้งยังไงก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าเขาก็เป็นตำรวจ และพอตนได้พาลูกสาวไปแจ้งความ แต่ก็มีวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ในมือมีก้อนหินขี่รถตามประกบ เคาะกระจก ทำให้ตนกลัวความไม่ปลอดภัยจึงพาลูกกลับมาบ้าน เพราะตนคิดว่าไม่ปลอดภัย จนกระทั่งตอนนี้ตนก็ยังไม่กล้าจะพาลูกไปแจ้งความ เพราะหลังจากที่โดนโดนขี่รถประกบ ตนจึงได้มาร้องสื่อขอความช่วยเหลือให้ทางผู้บังคับบัญชาของเขาได้เห็นการกระทำ และจะได้ลงโทษเขาบ้าง เพราะตอนนี้ตนกับลูกต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส