ทนายกุ้ง ปัดใช้สื่อกดดันผู้ต้องหาบุกรุก ครอบครองปรปักษ์ เครียดหนักจนจบชีวิต ยังไม่รู้ศาลจะเลื่อนหรือไม่หลังนัดกำหนดส่งฟ้อง 6 มีนาคมนี้ หลังหนึ่งในผู้ต้องหาเสียชีวิต
จากกรณีเจ้าของบ้านปล่อยบ้านร้าง ย่านรามอินทราซอย 58 มานานกว่า 30 ปี จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านเข้าไปยึดทำเป็นร้านอาหาร จนเกิดเป็นการฟ้องร้องกัน ก่อนที่คู่กรณีจะขนย้ายของออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และกลับเข้ามาอ้างสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์ เปิดร้านขายไก่ทอด ทำให้เจ้าของบ้าน พร้อมเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปดูบ้าน ปลดป้าย ล็อกกุญแจ และประกาศความเป็นเจ้าของบ้านตัวจริง และประกาศว่าจะเดินหน้าฟ้องร้องอย่างเต็มที่ไม่มีไกล่เกลี่ย เพราะคู่กรณีดูไม่เกรงกลัวกฎหมาย แอบมาฟ้องแพ่ง หวังครอบครองปรปักษ์ก่อน ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดมีรายงานว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้หญิง 1 ใน 5 ผู้ต้องหา คือ นางภานุมาศ เครียดจัด ตัดสินใจลาโลกในบ้านพักย่านรามอินทรา ด้วยการผูกคอในห้องนอน บริเวณชั้น 2 ของบ้าน
ในเวลาต่อมา นางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง เดินทางมาเพื่อติดตามสถานการณ์โดยมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนเองเดินทางมาที่ สน. ในครั้งนี้เนื่องจากได้มีการพูดคุยกับทางลูกความทราบว่าทางคู่กรณีมีการผูกคอเสียชีวิต ซึ่งในส่วนของลูกความตนเองก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองจึงเดินทางมาเพื่อสังเกตการณ์และรายงานผลให้กับทางลูกความทราบ
สำหรับตัวคุณภานุมาศ ผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในห้าผู้ต้องหา ที่ถูกทางเจ้าของบ้านตัวจริงซึ่งเป็นลูกความของตนเอง แจ้งฟ้องข้อหาบุกรุก ในคดีแรก 17 กันยายน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการ กลุ่มคู่กรณีฟ้องครอบครองปรปักษ์ กับลูกความตนเอง และที่ผ่านมา ตัวผู้ตายก็ไม่เคยเข้าไกล่เกลี่ยกับทางทนายเดชา หรือตนเอง
คดีนี้หากเรียงตามลำดับเกิดขึ้นหลังจากที่ทางเจ้าของบ้านตัวจริง มีการแจ้งฟ้องห้ามผู้ต้องหาบุกรุก โดยมีตัวผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งในคดีนี้มีการนัดเจรจากันที่ สน. แต่ตอนนั้นไม่สามารถตกลงเรื่องค่าเสียหายได้จึงยุติการดำเนินการไปและมีการส่งมอบตัวบ้านคืนพร้อมยอมรับข้อหา
ต่อมาลูกความของตนเองที่เป็นเจ้าของบ้านตัวจริงได้รับหมายศาลว่ามีหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีบุกรุกแรก ยื่นฟ้องต่อศาลมีนบุรีเพื่อครอบครองปรปักษ์บ้านดังกล่าว ซึ่งตนเองในฐานะทนายความเห็นว่ากลุ่มคู่กรณียังไม่สามารถดำเนินการฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้เพราะบ้านมีการส่งมอบคืนเป็นที่เรียบร้อยและไม่ได้มีการครอบครองครบตามเงื่อนไข รวมถึงไม่ได้มีการครอบครองไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการพักอาศัยแต่อย่างใด จึงมีการส่งคำร้องคัดค้าน และฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งไปกับทางตัวคุณศรีพรรณ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีบุกรุกแรก และเป็นคนที่แจ้งฟ้องครอบครองปรปักษ์ และด้วยความตนเองยังแจ้งความร้องทุกข์กับตัวคุณศรีพรรณ ในข้อหาบุกรุกรอบที่สองเพิ่มเติมไปอีกด้วย
ในส่วนของคดีการบุกรุกแรกเรื่องคดีในขณะนี้อยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ ที่กำหนดเดิมมีกำหนดส่งฟ้องต่อศาลในวันที่ 6 มีนาคมที่จะถึงนี้ แต่กรณีที่มีหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีเสียชีวิต ต้องมีการจำหน่ายคดีในส่วนของผู้เสียชีวิตออกไป จึงยังไม่ทราบว่า กำหนดการเดิมจะมีการเลื่อนหรือไม่
สำหรับลูกความตนเองเท่าที่ได้มีการพูดคุยยอมรับว่ามีการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจึงยังไม่รู้ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปแต่ต่อจากนี้เมื่อตนเองเสร็จสิ้นจากการสังเกตการณ์ที่ สน.คันนายาว ก็จะมีการประสานสอบถามกับทางลูกความตนเองอีกครั้ง
ส่วนประเด็นที่ทางทนายความคู่กรณีมีการให้สัมภาษณ์กับทางสื่อว่า ทางลูกความตนเองมีการใช้สื่อกดดัน คู่กรณี ส่วนตัวมองว่าตนเองในฐานะทนายความและที่ปรึกษาทางกฎหมายก็มีหน้าที่ที่ต้องดำเนินการทางคดีเพื่อปกป้องสิทธิ์ของทางลูกความ สื่อก็มีหน้าที่ในการนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปตามขั้นตอน ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่ใช่การกดดันอะไร แต่ก็อยู่ที่มุมมองว่าใครจะมองยังไง
Advertisement