เงินวัดหาย 4 แสน จับมือใครดมไม่ได้ เรียกทุกคนดื่มน้ำสาบาน

5 มี.ค. 67

เงินวัดหาย 4 แสน จับมือใครดมไม่ได้ เกือบเดือนคดีไม่คืบหน้า ชาวบ้าน - กรรมการวัดรวมตัวดื่มน้ำสาบาน สาปแช่งใครทำขอให้มีอันเป็นไป

 

ทั้งกรรมการวัด ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน หมู่บ้าน บ้านโนนขวาง ต.นาโพธิ์ อ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อมใจกันไปร่วมกิจกรรมการกินน้ำสาบาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์

กรณีที่ก่อนหน้านั้น กรรมการวัด  5 ท่านไปเบิกเงินที่พระสงฆ์ฝากไว้ ที่ ธกส.จำนวน 1,000,000 บาท มาเพื่อใช้จ่ายค่าก่อสร้างวิหาร และเตรียมไว้ เป็นค่าหมอลำในงานบุญประจำปีที่จะมาถึง ในวันที่ 19 – 22 พ.ค.67 กลับมาที่วัด 

โดย เงิน 1 ล้านบาท ได้แบ่งให้เจ้าอาวาสเก็บไว้ 100,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟและอื่นๆแล้วนำเงิน 900,000 บาท มอบให้นายพิรุณ วิลาจันทร์ กำนันตำบลนาโพธิ์ นำไปใส่ไว้ในตู้เซฟ 2  ใบของวัดที่ตั้งในวิหารหลวงปู่โชคชัย โดยต้องไปเอากุญแจตู้เซฟ ทั้ง 2 ใบ ที่ นายวิจารย์ เพิ่มพูน อดีตนายกอ บต.เป็นผู้เก็บกุญแจ มาเพื่อเปิดตู้เซฟ แล้วรับเงินจากเจ้าอาวาส 900,000 บาท ให้กำนันนำมาแยกใส่ตู้เซฟ ใบแรก 500,000 บาท และใส่ตู้เซฟใบที่ 2 จำนวน  400,000  บาท โดยการนำเงินใส่ตู้เซฟทั้งหมด เป็นกำนันดำเนินการเก็บเงินเข้าตู้เซฟเพียงลำพังเอง จ้าอาวาสไม่ได้ยืนเฝ้า หรือดูการนำเงินที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ใส่ตู้เซฟทั้ง 2 ใบ ที่ตั้งอยู่ในวิหารแต่อย่างใด

ต่อมาทางวัดได้ทำการย้ายตู้เซฟทั้ง 2 ใบ ออกจากวิหาร เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2567 เพื่อทำการก่อสร้างบูรณะวิหาร จึงนำตู้เซฟทั้ง 2 ใบไปเก็บไว้ที่ใหม่เป็นการชั่วคราว โดยนำไปเก็บไว้ในกุฎิ หลวงตาตุ๊ ซึ่งเป็นพระลูกวัดสูงอายุรูปหนึ่งในวัดเป็นคนเฝ้า และต่อมา เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2567 กรรมการวัด ประสงค์จะนำเงิน 200,000 บาท ไปจ่ายให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง จึงให้ นายพิรุณ วิลาจันทร์  กำนันตำบลนาโพธิ์ ไปนำกุญแจ ที่ นายวิจารย์ เพิ่มพูน อดีตนายก อบต.ซึ่งเป็นคนถือกุญแจ มาเปิดเอาเงิน จากตู้เซฟใบที่  1 ที่เก็บเงินไว้ 500,000 บาท แต่หลังจากไปเปิดตู้เซฟดังกล่าว (โดยลำพังคนเดียว) กลับพบว่ามีเงินเพียง 100,000 บาท เท่านั้น จึงแจ้งให้เจ้าอาวาสวัดและกรรมการวัดทราบว่าเงินหายไปอย่างไร้ร่องรอย จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด ซึ่งหลังจากแจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวนได้เรียกผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในข่ายต้องสงสัย ทุกคนไปสอบสวนปากคำ เพื่อหาคนผิดมาดำเนินคดี แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ

โดยสรุปว่าสาเหตุที่เงินหาย กรรมการวัด ทั้งคนถือกุญแจ และแม้แต่กำนันก็น่าจะไม่เกี่ยวข้อง เพราะมีการให้ข้อมูลว่าเหตุที่เงินหาย น่าจะเกิดจากการที่เปิดตู้เซฟแล้วปิดไม่ดี หรือลืมปิด เป็นต้นเหตุของเงิน 400,000 บาทหายไป แต่ชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งไม่เชื่อว่าจะเกิดจากการลืมปิดตู้เซฟ แต่เชื่อว่าถ้าขโมยลักจริงคงลักไปหมด โดยไม่เอาไป 400,000 บาทเท่านั้น ทำให้เชื่อว่าเป็นฝีมือคนใน แต่ไม่มีใครยอมรับ

และล่าสุด หลังจากที่มีการแจ้งความ จนเกือบจะครบ 1 เดือน แล้วคดียังไม่คืบหน้า และยังจับใครไม่ได้ ชาวบ้านก็เกรงว่าคดีเงินเงินหาย 400,000 บาท จะจับใครไม่ได้

ชาวบ้านจึงรวมตัวยืนข้อเสนอไปยังผู้เกี่ยวข้องทุกคนมากินน้ำสาบาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในช่วงรอการทำงานของตำรวจ

โดยกำนันบอกว่าตนเอง ยินดีทำตามคำต้องการของชาวบ้าน ในการกินน้ำสาบาน แต่ตนเองเห็นว่าให้ตนเองกินเพียงผู้เดียว ก็น่าจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงต้องการขอให้ทุกคนที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมกันกินน้ำสาบานทุกคน ทั้งพระรูปที่ เป็นเจ้าของกุฏิ ที่เก็บตู้เซฟ และญาติพี่น้อง ของพระรูปดังกล่าวทุกคน และทุกคนที่อยู่ในข่ายสงสัย

โดยผู้ดื่มน้ำสาบานคนแรก คือ พระครู หรือ หลวงตาตุ๊ เจ้าของกุฏิที่ตั้งตู้เซฟเก็บเงิน จากนั้นเป็น นายวิจารย์ เพิ่มพูน อดีตนายกอบต.ซึ่งเป็นคนถือกุญแจ  แล้วต่อด้วยนายพิรุณ วิลาจันทร์  กำนันตำบลนาโพธิ์ ซึ่งรับผิดชอบเป็นผู้นำเงินเข้าไปเก็บในตู้เซฟ รวมทั้งทำหน้าที่ เอากุญแจจากอดีตนายก ไปดำเนินการเปิด-ปิดตู้เซฟ เอาเงินเข้า-ออก เพียงลำพังคนเดียว โดยไม่มีคนรู้เห็น และดื่มน้ำสาบานต่อด้วย เครือญาติทุกคน ที่มาอยู่พักค้างในกุฏิ ดูแลอาการป่วย หรืออาพาธ ของพระครูหรือหลวงตาตุ๊ เป็นเวลาหลายวัน

ด้านหลวงตาตุ๊ เจ้าของกุฏิ  ที่กรรมการวัดย้ายตู้เซฟจากวิหาร มาเก็บไว้ในห้อง กล่าวว่า ตนเองไม่รู้ เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งมีเงินกี่ล้านกี่แสน ในตู้เซฟ ตนก็ไม่ทราบ และเงินที่บอกว่าหาย ก็หายในช่วงที่ตนเองไม่สบาย แต่มีญาติมาเฝ้าไข้จริง แต่ก็ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่มีกุญแจ ตนเองมีหน้าที่เพียงแค่นอนเฝ้าอยู่เฉยๆ ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและแสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการไปร่วมดื่มน้ำสาบาน.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส