เปิดใจ แม่วุ้นเส้น เจ้าของไวรัล “โอเคนะ” ตอบแล้วสาเหตุขยิบตาให้เพื่อน กะเทยไทย หลังตำรวจขอให้ช่วยเคลียร์พื้นที่
จากกรณี กะเทยฟิลิปปินส์รุมทำร้าย กะเทยไทย เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา จนเกิดกระแสความไม่พอใจ และกลายเป็นกระแสร้อนแรงในโซเชียลจน #สุขุมวิท11 พุ่งไม่หยุด
ทำให้ กะเทยไทยจำนวนมาก ไปรวมตัวหน้าโรงแรมที่พักของ กะเทยฟิลิปปินส์ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ต้องเข้าพื้นที่ เพื่อควบคุมสถานการณ์ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
วันที่ 6 ม.ค.67 วุ้นเส้น พัฒนศักดิ์ สุวรรณ์ อายุ 37 ปี ฉายา แม่วุ้นเส้นมือตบ ซึ่งมีภาพปรากฎคล้ายกับลักษณะคนส่งสัญญาณเคลียร์ ระหว่างตำรวจและกลุ่ม กะเทยไทย ในซอยสุขุมวิท 11 เปิดเผยว่า ในวันนั้นที่ทำมือโอเค และขยิบตา เพราะพยายามจะสื่อว่าตำรวจขอความร่วมมือ ขอพื้นที่ เพราะตอนนั้นคนล้นเข้าไปในพื้นที่มากเลย ตนเลยพยายามส่งสัญญาณ บอกว่าให้ความร่วมมือไปเถอะ
หลายคนมองว่าตนขยิบตาส่งสัญญาณ อันนั้นคือคนเอาไปตีความกันเอง แต่เจตนาของตนคือ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม ตำรวจก็อยากได้พื้นที่ตรงนั้น ในส่วนของสาวประเภทสองก็กรูเข้ามารอดู ตนเป็นคนกลางก็เข้าใจทางตำรวจและส่วนของสาวประเภทสอง
แม่วุ้นเส้น กล่าวต่อว่า ส่วนที่ตนเดินทางไปวันนั้น เจตนาคือตั้งใจไปดูเหตุการณ์ไปเห็นเหตุการณ์ว่าเป็นยังไง ซึ่งในตอนนั้นตำรวจขอความช่วยเหลือจากตน ให้ช่วยสื่อสารกับกลุ่มสาวประเภทสองให้หน่อย เลยกลายเป็นว่าปากพูดขอความร่วมมือ แต่ขยิบตาบอกว่าให้ความร่วมมือหน่อยประมาณนั้น
ก่อนหน้านั้นตนหารือกับตำรวจแล้วว่า ตอนนี้จำนวนคนยังไม่เยอะมาก ถ้าพี่จะจัดการย้ายคนฟิลิปปินส์ต้องรีบย้ายออกไปตอนนี้ เพราะตอนนี้คนกำลังน้อย ถ้าปล่อยไว้นานจะกลายเป็นปัญหาที่บานปลายและควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายก็ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้จริงๆ
แม่วุ้นเส้น กล่าวอีกว่า มองว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นการแย่งศักดิ์ศรีและเป็นการพยายามออกมาต่อสู้ หรือยึดถือตัวเพื่อสร้างอำนาจของตัวเอง เอาง่ายๆ คือตั้งตัวตั้งกลุ่มเป็นใหญ่เป็นมาเฟียในบริเวณนั้นๆ ซึ่งถ้าเกิดปล่อยปละละเลยก็จะกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นและเริ่มบานปลายไปเรื่อยๆ
โดยเขาเข้ามาในประเทศไทย ในฐานะวีซ่านักท่องเที่ยว แต่ก็อย่างที่เห็นพูดตรงๆ ตามความเป็นจริงบนถนนสุขุมวิทก็มีหลากหลายเชื้อชาติหลากหลายสัญชาติ ผู้ใหญ่ควรจะลงไปสำรวจจริงๆ กลางคืนเขาก็จะไปยืนตามข้างถนน เพื่อเรียกลูกค้าเหมือนกับว่าค้าประเวณีอะไรประมาณนั้น
และที่มีข่าวออกไปว่าเป็นการตัดราคา ตัดหน้าเค้ก ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง อันนี้เป็นพฤติกรรมที่พยายามเข้ามาหาเรื่องรุมทำร้ายเลย พอเหตุการณ์แบบนี้ตนก็เห็นว่ามันไม่โอเคแล้วก็เลยยอมไม่ได้