สารภาพนาที รปภ.ฆ่าโหดเจ้าของสวนทุเรียน ลูกชายแค้นสาวหมัดใส่ ตำรวจหิ้วตัว ส่งศาลจังหวัดระยอง เชื่อยังสารภาพไม่หมด โดยเฉพาะทรัพย์สิน
จากกรณีพบศพ นางฉวีวรรณ ใจช่วย หรือ ป้าอี๊ด อายุ 69 ปี เจ้าของสวนทุเรียน ถูกฆาตกรรมมัดมือไพล่หลัง กางเกงพันศีรษะครอบด้วยถังพลาสติก ทิ้งศพในสระน้ำ ภายในสวนทุเรียน ริม ถ.ไร่อ้อย-เขายายพริ้ง ม.4 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง
จนต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากน้ำประแสร์ ได้ขอหมายศาลจังหวัดระยอง ออกหมายจับ นายเจริญ งอยภูธร หรือนายแดง อายุ 55 ปี พนักงาน รปภ.ธนาคารแห่งหนี่ง พื้นที่ อ.นายายอาม จ.จันทบุรี ภายหลังพบภาพกล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถกระบะของนายเจริญ บรรทุกกล่องพลาสติกสีขาว หลักฐานสำคัญไว้หลังกระบะ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
วันที่ 9 มี.ค. 67 พนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำประแสร์ อ.แกลง จ.ระยอง ได้สอบปากคำนายเจริญ ผู้ต้องหาฆ่านางฉวีวรรณ โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่นางฉวีวรรณอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว ระหว่างนั้นนายเจริญได้ขับรถกระบะไปหานางฉวีวรรณที่บ้านพัก พร้อมกับเอ่ยปากขอยืมเงินจำนวน 1 แสนบาท เพื่อนำไปไถ่ถอนโฉนดที่ดินบ้านตนเองที่จำนองไว้ที่ จ.สกลนคร และโฉนดที่ดินกำลังถูกยึดขายทอดตลาด ทำให้เกิดความเครียด เพราะไม่ต้องการถูกยึดที่ดิน
แต่นางฉวีวรรณปฏิเสธไม่ให้กู้ยืมเงิน 1 แสนบาท จึงทำให้นายเจริญมีความกดดันและเกิดบันดาลโทสะทำร้ายนางฉวีวรรณจนเสียชีวิตในบ้าน และถอดเสื้อผ้านางฉวีวรรณออก พร้อมกับใช้เชือกผูกรองเท้าคอมแบตมัดมือนางฉวีวรรณทั้ง 2 ข้าง ไพล่หลัง กระทั่งพลบค่ำจึงแบกศพนางฉวีวรรณขึ้นรถกระบะ และนำไปทิ้งบ่อน้ำ เพื่ออำพรางคดี
หลังจากนายเจริญถูกตำรวจจับตัวได้ และนำตัวมาสอบสวน แต่ตำรวจเชื่อว่านายเจริญผู้ต้องหายังสารภาพไม่หมด เนื่องจากทรัพย์สินของนางฉวีวรรณผู้เสียชีวิตซึ่งมีสร้อยคอทองคำ รวมทั้งสร้อยข้อมือ ไม่ทราบน้ำหนัก และแหวนที่สวมใส่ รวมทั้งเงินสดจำนวนหนึ่งสูญหายไป
ขณะที่ นายพรชัย ใจช่วย บุตรชายคนสุดท้องนางฉวีวรรณผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่ สภ.ปากน้ำประแสร์ เพื่อให้ตำรวจสอบปากคำเป็นพยาน พร้อมทั้งถือรูปนางฉวีวรรณ เข้าไปภายในห้องสอบสวน เพื่อให้นายเจริญ ขอขมา โดยที่นายพรชัย ถือรูปนั่งบนโซฟา
ต่อมาตำรวจคุมตัวผู้ต้องหา ซึ่งถือธูปมา 1 ดอก แล้วคุกเข่าลงต่อหน้านายพรชัย ที่ถือรูปผู้เสียชีวิตอยู่ ปรากฎว่าขณะที่ นายเจริญ ผู้ต้องหากำลังพนมมือกล่าวคำขอขมา นายพรชัยได้ยกแผ่นกระดาษรูปแม่ขว้างใส่หน้านายเจริญ พร้อมลุกขึ้นเตรียมเข้าทำร้าย แต่ตำรวจห้ามไว้ทัน ก่อนพาตัวผู้ต้องหาออกไปทันที และเมื่อนายพรชัยพบเห็นนายเจริญอีกครั้งในช่วงที่ตำรวจกำลังนำตัวไปฝากขังศาล ก็ทำให้เก็บอารมณ์แค้นไม่อยู่ และจะเข้าทำร้าย แต่ตำรวจเข้าห้ามไว้ทัน
นายพรชัย เปิดเผยว่า ถ้าตำรวจจะให้นายเจริญไปกราบขอขมาศพนางฉวีวรรณที่วัดเหมืองแร่ ตนไม่มั่นใจความปลอดภัยนายเจริญผู้ต้องหา ส่วนทรัพย์สินซึ่งเป็นสร้อยคอทองคำ และสร้อยข้อมือ รวมทั้งแหวนและเงินสดจำนวนหนึ่งของนางฉวีวรรณ เชื่อว่าไม่ได้สูญหาย แต่อาจถูกนายเจริญนำไป
ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายเจริญผู้ต้องหาแล้วจึงนำตัวขึ้นรถไปศาลจังหวัดระยอง เพื่อขออำนาจศาลฝากขังดำเนินคดี ซึ่งนายเจริญผู้ต้องหามีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
