รพ.รับ พยาบาลสาวเคยทำงานที่นี่แต่ลาออกไปแล้ว ผู้เสียหายที่ถูกนำบัตรปชช.หลอกกู้เงินเข้าแจ้งความ

15 มี.ค. 67

คืบหน้าเสี่ยเต็นท์รถ ถูกพยาบาลสาวหลอกให้รักสูญเงิน 38 ล้าน ผู้ที่ถูกนำบัตรประชาชนไปหลอกกู้เงิน เดินทางเข้าแจ้งความ ขณะบ้านพักของพยาบาลสาวถูกปิดร้าง ด้านรพ.ต้นเรื่องรับพยาบาลเคยทำงานที่นี่แต่ลาออกไปแล้ว

คืบหน้าจากกรณีเจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสอง หรือเฮียอ้วน วัย 63 ปี นำเอกสารพร้อมหลักฐานการโอนเงินเข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กรณีถูกพยาบาลสาวคนสนิท อายุ 39 ปี โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านพัฒนาการ นำสำเนาบัตรประชาชนของผู้อื่น จำนวน 680 คน ทยอยมาขอกู้เงินตั้งแต่ปี 63 ทำสูญเงินต้น 10 กว่าล้านบาทและผลประโยชน์ รวม 38 ล้านบาท

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ได้สัมภาษณ์ นางออย ( นามสมมุติ ) เจ้าของบัตรประชาชนที่พยาบาลสาวนำเอามาหลอกกู้เงินเฮียอ้วน เดินทางเข้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าเธอเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

นางออย ( นามสมมุติ ) เล่าว่าตัวเธอเองได้รับการติดต่อมาจากผู้เสียหายคือเฮียอ้วน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 แจ้งว่าตัวเธอไปกู้เงินมาลักษณะการคุยน้ำเสียงค่อยข้างแรง เธอเลยให้สามีเป็นคนคุย จนคุยได้รายละเอียดมามีคนเอาบัตรประจำตัวประชาชนเธอไปกู้เงินกับเฮียอ้วนโดยที่เธอไม่รู้เรื่องมาก่อน ช่วงแรกที่คุยกันนึกว่ามิจฉาชีพเธอรู้รายละเอียดแล้วจึงบล็อกเบอร์

แต่ก่อนจะบล็อกด้วยความที่เธอบริสุทธิ์ใจเลยท้าเฮียอ้วน ที่ตอนนั้นคิดว่าเป็นมิจฉาชีพให้แอดไลน์ส่งรายละเอียดมาและไปเจอกันที่ สน.แต่พอไม่มีการติดต่อกลับมาเธอเลยบล็อกทันที

ล่าสุดช่วงเช้าทีมงานโหนกระแสติดต่อมาเพื่อแจ้งรายละเอียดยอมรับว่าตกใจมากพอรู้รายละเอียดเลยเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด ถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นเธอก็พยายามนึกว่าบัตรประจำตัวประชาชนจะถูกนำไปใช้ได้ยังไงในเมื่อเธอเองไปแค่คลินิกเสริมความงาม, และคลินิกรักษาฟัน

แต่พอคิดไปคิดมาตรวจสอบกลับไม่มีพยาบาลสาวรายดังกล่าวทำงานในคลินิกที่เธอไปรับบริการ

ล่าสุดเธอมานั่งฟังรายการโหนกระแสถึงจำได้ตามทามไลน์ของเฮียอ้วนว่าจริง ๆ เเล้วช่วงที่โควิดระบาดคือช่วงที่เฮียอ้วนรู้จักพยาบาลสาวคนดังกล่าวและทำงานที่โรงพยาบาลต้นเรื่อง และในเวลาเดียวกันบริษัทของเธอก็ให้พนักงานไปตรวจโควิดที่โรงพยาบาลดังกล่าว พวกเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนตอนนั้นก็ยืนไปเป็นหลักฐานในการรักษา

เบื้องต้นตอนนี้ทางพนักงานหลายคนยังไม่ทราบต้องให้ทางทีมโหนกระแสตรวจสอบรายชื่อให้ก่อน เธอเองถึงจะติดต่อพนักงานเป็นรายบุคคลว่าใครถูกเอาบัตรประจำตัวประชาชนไปใช่บ้าง เนื่องจากเธอทำงานบริษัทใหญ่เรื่องกฎหมาย PDPA พนักงานจึงสำคัญ วันนี้จึงเดินทางมาแจ้งความเอาไว้ที่ สภ. บางแก้วเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเธอไม่เกี่ยวข้อง

ด้านโรงพยาบาลต้นสังกัดของพยาบาลสาว ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าตอนนี้ทางโรงพยาบาลรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ทางบอร์ดบริหารกำลังพูดคุยและตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอยู่ เบื้องต้นพยาบาลสาวเคยทำงานที่โรงพยาบาลจริง แต่ลาออกไปแล้วส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ขอยังไม่ให้ข้อมูลตอนนี้

นอกจากนี้ทีมข่าวได้ลงพื้นที่มายัง  หมู่บ้านแห่งหนึ่ง บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านตามที่อยู่ทะเบียนราษฎร์ ของ น.ส.ธีรนันท์ (ผู้ถูกกล่าวหา) พบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูน2 ชั้น บ้านหลังดังกล่าวถูกปล่อยทิ้งร้าง ประตูบ้านถูกปิดมิดชิดไม่มีรถจอดอยู่ บริเวณลานจอดรถหน้าบ้านมีไม้กวาดถูกทิ้งไว้ 1 อัน และมีเศษใบไม้แห้งอยู่เต็มไปหมดลักษณะเหมือนขาดการทำความสะอาดไร้คนดูแล

ในระหว่างนั้น นางแจ่ม (นามสมมติ)เพื่อน ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันบอกกับผู้สื่อข่าวว่าบ้านหลังนี้มีผู้หญิงอยู่หนึ่งรายแต่ถูกทิ้งร้างไปได้ประมาณ 1 ถึง 2 เดือนแล้ว เจ้าของบ้านไม่กลับมาดูแลอีกเลยซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าบ้านหลังนี้ถูกประกาศขายไปหรือยัง ซึ่งหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านใหญ่มีอยู่ประมาณ 500 หลังคาเรียน

และหลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายหนุ่ม (นามสมมติ) รปภ.ของหมู่บ้านบอกกับผู้สื่อข่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวมีผู้หญิงอยู่ 1 ราย มีอาชีพเป็นพยาบาลสาวหน้าตาดี เรียกว่า ขาว สวย หมวยอิ๋ม และมักจะเดินทางมากับชายร่างท้วมขับรถฟอจูนเนอร์ ส่วนใหญ่จะมาเป็นคู่อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งตนจำได้ว่าผู้หญิงเจ้าของบ้านนั้นเดินทางมาที่บ้านหลังนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกเลยแล้วปล่อยบ้านทิ้งร้างเอาไว้จนมีเศษใบไม้ปกคลุมเต็มลานจอดรถหน้าบ้าน แต่ไม่รู้ปมเหตุเรื่องการไปหลอกกู้เงินกันมาก่อน

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส