หัวใจสลาย สองตายายสู้ชีวิตขายถ่าน ทำงานเก็บเงินหวังปลดหนี้ ไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลังสูญเงินหมด พร้อมทรัพย์สินที่เก็บมาชั่วชีวิต เป็นลมหมดตัว
วันที่ 16 มี.ค. 67 พ.ต.อ.พิทยากร เพชรรัตน์ ผกก.สภ.แม่สอด จ.ตาก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในชุมชนปากห้วยแม่ปะ หมู่ที่ 5 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก หลังรับแจ้งเหตุ รถดับเพลิงจาก อบต.แม่ปะ พร้อมรถดับเพลิงเทศบาลนครแม่สอด จำนวน 2 คัน รีบเดินทางไปดับเพลิงอย่างเร่งด่วน
ที่เกิดเหตุอยู่กลางชุมชน ใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมา พบบ้านไม้ชั้นเดียวกำลังมีเพลิงไหม้อย่างรุนแรงอยู่ภายในบ้าน ที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง จนเกิดกลุ่มควันไฟสีดำลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สร้างความแตกตื่นตกใจไปทั่วชุมชนปากห้วยแม่ปะ
จากนั้นชาวบ้านจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พยายามจะเข้าไปช่วยกันดับเพลิงเบื้องต้น แต่ไม่สามารถดับเพลิงได้ จนเพลิงขยายวงกว้างลุกไหม้ทั่วบ้านไม้ทั้งหลังอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางลมพัดแรงจนเกิดสะเก็ดลูกไฟลอยไปตกในพื้นที่ป่าข้างบ้าน และเกิดเพลิงไหม้ป่าหญ้าแห้งขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงทั้ง 2 คันต่างต้องกระจายกำลังออกฉีดน้ำสกัดเพลิง และสามารถเข้าควบคุมเพลิงไว้ได้ภายใน 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ โดยหลังเพลิงสงบและเหลือเพียงกลุ่มควันไฟสีขาว ปรากฎว่า นาย สมชาย ประเสริฐดี อายุ 67 ปี และนาง นกแก้ว ประเสริฐดี อายุ 62 ปี สองตายายสามีภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านออกไปทำงานนอกบ้านทราบข่าวร้าย ก็รีบวิ่งมาดูบ้านของตนเอง เกิดเพลิงไหม้หมดทั้งหลัง ก็ถึงกับนั่งร้องไห้ เกือบจะเป็นลม จนชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้าไปช่วยปรับสภาพจิตใจ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด
จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเบื้องต้น พบบ้านไม้ทั้งหลังถูกเพลิงไหม้ทั้งหลัง ทิ้งไว้เพียงซากรถจักรยานยนต์ ถูกไฟไหม้ 2 คัน และกองเศษทรัพย์สินที่กลายเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด
จากการสอบถาม น.ส.ภราพร เกศสันเทียะ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของสองตายายนักสู้ชีวิต ซึ่งเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุสองตายายไม่อยู่บ้าน เนื่องจากออกไปขายถ่านในหมู่บ้าน และขณะนั้นมีเสียงคล้ายไฟฟ้าลัดวงภายในกลางบ้านดังกล่าว จากนั้นก็เกิดกลุ่มควันไฟจำนวนมากในบ้าน ตนเองตั้งสติรีบวิ่งไปขับรถยนต์ที่จอดในโรงจอดรถติดกับตัวบ้านออกมาได้ทัน แต่ไม่สามารถเข้าไปดับเพลิงภายในบ้านได้ทัน เนื่องจากเป็นบ้านไม้เก่า และเพลิงก็ลามไปไหม้กองยางรถยนต์เก่าจำนวนมากในโรงจอดรถยนต์จนบ้านไหม้ กลายเป็นทะเลเพลิงสีแดงทั้งหลัง
ขณะเดียวกันนางนกแก้ว ซึ่งเป็นคุณยายนักสู้ชีวิตและเป็นเจ้าของบ้านต้นเพลิง ซึ่งนั่งร้องไห้จนแทบจะขาดใจ หลังเห็นบ้านของตนเอง ที่สร้างมานานถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนกับสามีออกมาตระเวนขายถ่านในหมู่บ้าน ซึ่งก่อนออกบ้านตนเองได้เก็บเงินสดจำนวน 25,000 บาทไว้ในบ้าน ซึ่งช่วงเย็นวันนี้ตนจะนำเงินสดจำนวนดังกล่าวไปจ่ายค่าถ่านที่ตนเองได้ขอมาขายก่อน เหลือเพียง4ชั่วโมงตนก็จะปลดหนี้ค่าถ่านที่ติดค้าง แต่ก็มาฝันสลาย เนื่องจากเงินสดที่จะใช้จ่ายปลดหนี้ค่าถ่านเย็นนี้ถูกไฟไหม้ไปพร้อมกับบ้านทั้งหลัง จนตนกับสามีเหลือเพียงเสื้อผ้าที่สวมใส่ติดตัวเพียงคนละชุดเท่านั้น
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด จ.ตากได้ปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งสันนิฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้บ้านสองตายายนักสู้ชีวิตมาจากไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามต้องรอตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตากเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง