เปิดชนวนคลั่งแฟนสาวบอกเลิก ไล่ทำร้ายคนในหอก่อนวิ่งเข้าไปในวัดใช้เสียมกระหน่ำตีหลวงตา มรณภาพ

แฟนสาวบอกเลิกทนไม่ไหวติดกัญชา ชนวน "ไอ้ปั๊บ" คลั่งไล่ทำร้ายคนในหอพักก่อนวิ่งเข้าไปในวัดใช้เสียมกระหน่ำตี หลวงตา เจ้าอาวาสวัดอดุลแก้วบดี มรณภาพ สลด!

ความคืบหน้ากรณี นายสิทธิชัย สุนทรวิสัย หรือ "ปั๊บ" อายุ 28 ปี ชาว จ.อุดรธานี คลุ้มคลั่งก่อเหตุใช้เสียมด้ามเหล็กไล่ทำร้ายคนในหอพักแห่งหนึ่งข้างซอยหลังวัดอดุลแก้วบดี ถนนโคลัมโบ บ้านโนนม่วง ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น และได้วิ่งเข้าไปที่ วัดอดุลแก้วบดี เข้าไปทำร้าย พระครูปลัดต่วนชุตินฺธโร อายุ 77 ปี เจ้าอาวาสวัดในกุฎิ ก่อนจะลากร่างเจ้าอาวาสที่หายใจรวยรินมากลางทางหน้ากุฎิ และกระหน่ำใช้เสียมทุบตีที่ศีรษะจนกระโหลกยุบ จนกระทั่งเสียชีวิต

ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านจะช่วยกันควบคุมตัวเอาไว้ด้วยความยากลำบากเพราะชายคลั่งมีแรงเยอะ ตำรวจ 5 คนก็เอาไม่อยู่

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในหอพักดังกล่าว โดยไทม์ไลน์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุนั้น เมื่อเวลา 06.14 น. แฟนผู้ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์เข้ามาที่หอพัก 06.15 น. เปิดประตูหอพักโดยใช้คีย์การ์ดเดินเข้าไป ผ่านไป 4 นาที ในเวลา 06.18 น. คนก่อเหตุคือนายปั๊บเดินตามเข้ามาที่หอพักแล้วเดินตามขึ้นไป โดยฝ่ายหญิงรีบปิดประตูห้องพักก่อนจะเข้าไปหลบในห้องน้ำ

เมื่อนายปั๊บเดินตามมาถึงที่ห้องได้ใช้ปลายด้านเสียมทุบทำลายลูกบิดประตู 7 ครั้งก่อนจะสามารถพังเข้าไปในห้องได้และประมาณไม่ถึง 1 นาที เจ้าของหอพักและลูกชายเดินตามมาดูเพราะได้ยินเสียงดังก่อนที่นายปั๊บจะโวยวายในห้องประมาณ 2 นาที แล้วเอาเสียมไล่ทำร้ายเจ้าของหอพักทั้ง 2 คนลงบันไดไปชั้นล่าง

ซึ่งลูกชายเจ้าของหอพักไปคว้าเอามีดดาบตัวเองออกมา ทำให้นายปั๊บวิ่งชนกระจกทางเข้าออกหอพักแตกเสียหาย คาดว่ากระจกจะบาดนายปั๊บตามร่างกายด้วยแล้วเข้าไปในวัดที่อยู่หน้าหอพักไปทำร้ายเจ้าอาวาสถึงในกุฎิ แล้วลากออกมากระหน่ำทุบตีศีรษะซ้ำจนเสียชีวิตบนทางหน้ากุฎิ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 มี.ค.2567 พ.ต.ท.วิโรจน์ ภูมิเพชรฤาชา รองผกก.สืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมด้วย
ร.ต.ท.ชลสิทธิ์ ธนาทราย รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบภายในห้องพัก ซึ่งผู้ก่อเหตุเช่าพักอาศัยอยู่กันแฟนสาว คือ น.ส.สุดารัตน์ อายุ 28 ปี ชาว จ.เลย พาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นภายในห้อง

จากการตรวจค้นพบเขียงไม้อยู่ในตู้เสื้อผ้าและบ้องกัญชาอยู่ที่บริเวณด้านหลังห้อง ส่วนมีดน.ส.สุดารัตน์ บอกว่าเอาไปซ่อนไว้ที่ห้องเพื่อน หลังจากเกิดเหตุเมื่อเช้าและไปอาศัยกับเพื่อนทันทีที่แฟนหนุ่มเกิดอาการคลั่งไล่ทำร้ายคนดังกล่าว

น.ส.สุดารัตน์ แฟนสาวของผู้ก่อเหตุบอกว่า ผู้ก่อเหตุคือแฟนหนุ่มที่ตนเองเพิ่งบอกเลิกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ตนเองเดินเข้ามาและขึ้นบันไดไปที่ห้องพักตัวเองนั้นซึ่งก็ได้ชะโงกดูระเบียงแล้ว มองเห็นว่าฝ่ายชายเดินตามเข้ามาในหอพักพร้อมกับเสียมจึงรีบเข้าห้องไปหลบอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งฝ่ายชายตามมาแล้วใช้ปลายด้ามเสียมทุบพังประตูเข้าไปแต่ไม่เห็นตนเองเพราะหลบในห้องน้ำตนเองเชื่อว่าถ้าเห็นตนเองจะต้องฆ่าตัวเองแน่นอนก่อนที่เจ้าของหอจะขึ้นมาแล้วไล่ทำร้าย

สาเหตุนั้นตนเองเชื่อว่าเกิดจากหลายๆ อย่างรวมกัน ตลอดเวลาที่คบหากันเช่าห้องพักที่นี่ได้ประมาณ 2 เดือนก่อนบอกเลิก เริ่มระหองระแหงกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ง้อกัน อย่างถ้าฝ่ายชายไม่สนใจ ตนเองตนเองก็จะไม่สนใจฝ่ายชายเช่นกัน การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแต่เหมือนหันหลังใส่กันก็จะเริ่มเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ โดยตนเองเป็นคนถือเงิน เป็นคนหาเงินเอง เวลาแฟนอยากจะไปซื้อกัญชาหรืออยากได้อะไรก็จะขอมาตนเองก็จะซื้อให้ ซึ่งแฟนจะสูบกัญชาทุกวันเฉลี่ยวันละ 2-5 จี

ที่ผ่านมาตนเองพยายามจะให้ฝ่ายชายห่างออกจากกัญชาเพราะติดหนักมาก วันๆ ต้องอยู่หน้าบ้องหน้าเขียงไม่ไปไหน นอกจากไปส่งตนเองทำงานแล้วกลับมาที่ห้อง บางครั้งไปวิ่งบ้างไปส่งอาหารเดลิเวอร์รี่บ้าง แล้วจะมารับตนเองกลับบ้าน

ในวันที่ทะเลาะกันนั้น ตนเองบอกไม่ต้องมารับจะกลับเอง ฝ่ายชายก็ถามว่าทำไม ซึ่งตนเองก็ไม่บอกเหตุผลบอกเพียงว่าจะกลับเองเท่านั้น กระทั่งมีเหตุการณ์นี้ขึ้นมาหลังจากตนเองกลับมาถึงห้องเพราะไปนอนอยู่กับเพื่อนที่หอพักของเพื่อน

ที่ตนเองบอกเลิก ชีวิตเราไม่ต้องมีเธอก็ได้ เธอไม่ได้มาหาเลี้ยงเรา เราไม่จำเป็นต้องมีเธอ ซึ่งตนเองจะเป็นคนพูดแรงและยังบอกอีกว่าไม่ต้องมาอยู่ใกล้เพราะถ้าตนเองบอกไม่ก็คือไม่ ซึ่งฝ่ายชายจะทราบดี

และอีกสาเหตุคือ ตนเองจะชอบใช้แฟนหนุ่มหยิบจับทำนั่นนี่เรื่องฝ่ายชายเจ้าชู้ก็มี แต่ตนเองพยายามทน ขอแค่อย่าเบียดเบียนกัน ก่อนที่จะทนไม่ไหวตัดสินใจบอกเลิกไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาและเกิดเหตุวันนี้ และไม่รู้ว่าจะโกรธเกลียดอะไรตนเองมากขนาดนั้น อาจจะเพราะตนเองบอกให้เขาเลิกในสิ่งไม่ดี ไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับกัญชา

หลังเกิดเรื่องก็จะไปอาศัยกับเพื่อนเพราะว่ายังกลัวอยู่ ไม่กล้ากลับมานอนห้องเดิมและก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย