พม่า-กะเหรี่ยงถล่มกันทั้งคืน เสียงปืนดังสนั่นถึงแม่สอด ทหารไทยตระเวนเข้มรับมือ ขณะที่ ชาวเมียนมา ข้ามมาไทยมากเกินปกติ
วันที่ 10 เม.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตากว่า หลังจากที่ฝ่ายกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) และเคเอ็นยู พีซี กลุ่มกะเหรี่ยงสันติภาพและกองกำลังปกป้องประชาชน (พีดีเอฟ)ได้กดดันทหารเมียนมาที่ ค่ายผาซอง หรือ กองพันทหารราบที่ 275 ของทหารเมียนมาที่ จ.เมียวดี ห่างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ตรงข้ามบ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ประมาณ 2 กิโลเมตร และการเจรจาไม่ได้ผลนั้น
ทำให้ฝ่ายต่อต้านเปิดฉากรบกับฝ่ายเมียนมาทันที โดยการใช้อาวุธหนักปืนค. 60 และโดรนปฏิบัติการทางอากาศ ตั้งแต่บ่ายโมงวันที่ 9 เม.ย. 67 เช่นเดียวกับทหารฝ่ายเมียนมาได้การสนับสนุนจากทางอากาศ ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดลงยังจุดที่ฝ่ายกะเหรี่ยงอยู่ โดยเฉพาะเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้รบกันอย่างหนัก มีเสียงปืน ค. 120 ของ ทหารเมียนมา และเสียงระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องดังก้องถึง อ.แม่สอด คาดว่าฝ่ายต่อต้านจะพยายามยึดที่ตั้งของ กองพันทหารราบที่ 275 กองพล 44 ให้ได้ในวันนี้
สำหรับค่ายผาซองเป็นที่มั่นทางทหารแห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียว มีทหารเมียนมาประมาณ 500 นาย และเป็นที่มั่นทางทหารเมียนมาที่แข็งแกร่งที่สุด
การสู้รบดังกล่าว พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด ได้ส่งทหารออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทยตามจุดที่ล่อแหลมตลอดทั้งคืน ทั้งนี้การสู้รบยังไม่ส่งผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทยแต่อย่างใด จากการสังเกตของทหารไทยพบว่า บริเวณพื้นที่การสู้รบในฝั่งเมียนมาเกิดไฟลุกไหม้ น่าจะเป็นบ้านเรือนราษฎร และปั้มน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งหนึ่งที่ใกล้ค่ายทหารเมียนมา
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวาน (9 เม.ย.) หลังจากเกิดการสู้รบ มีราษฎรในเมืองเมียวดีที่มีฐานะทางการเงินเดินทางออกจากเมียวดี ทำบัตรผ่านแดนผ่านสะพานมิตรภาพไทยเมียนมาแห่งที่ 1 เข้ามาพักนอนอาศัยอยู่ในตัวเมือง อ.แม่สอด ซึ่งอาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง ตามที่พักและโรงแรมต่างๆ การสู้รบใกล้เขตเมือง ทำให้การเดินทางเข้ามา อ.แม่สอดของ ชาวเมียนมามากเกินปกติ