สาวโอนไว! เจอหนุ่มหลอกให้รัก เสียเงิน 3 แสน แขนไม่ได้จับ ซ้ำหน้าก็ยังไม่ได้เจอ

11 เม.ย. 67

สาวโอนไว! เจอหนุ่มที่รู้จักผ่านเฟซบุ๊กหลอกให้รัก โอนเงิน 3 แสน แขนก็ไม่ได้จับ หน้าก็ไม่เคยเจอ ซ้ำโดนเทงานแต่งถึง 2 รอบ

 

นางสาวอ้อม (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 40 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทาง เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังเธอถูกชายหนุ่มทักเข้ามาในเฟซบุ๊กแล้วหลอกแต่งงาน ก่อนจะหยอดคำหวานให้โอนเงิน ผ่านบัญชีไปที่พระรูปหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นเพื่อนของชายหนุ่มคนนี้ตลอดเวลาเธอช่วยเหลือสารพัดทุกเรื่อง จนสูญเงินกว่า 300,000 บาท เมื่อเอ่ยปากทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา  

นางสาวอ้อม ผู้เสียหาย บอกว่า รู้จักนายเวฟ อายุ 40 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยนายเวฟ เป็นคนทักมาพูดคุย ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 จากนั้นคุยผ่านทางข้อความแช็ตกันได้ประมาณ 1 เดือน ก็ตกลงคบหาดูใจกัน

โดยเป็นการพูดคุยผ่านการโทรด้วยเสียง และพิมพ์แช็ตข้อความคุยกันมาตลอด จากนั้นไม่นาน นายเวฟ อ้างว่ามีปัญหาเรื่องการเงิน และมีการขอหยิบยืมเงินก้อนแรกจากเธอ อ้างว่าจะนำไปซ่อมคอมพิวเตอร์ และส่งหมายเลขบัญชีให้ โดยบัญชีที่ให้โอนเงิน เป็นชื่อ พระเชาวลิตร ซึ่งเป็นบัญชีของพระรูปหนึ่ง ภายในวัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเธอก็โอนเงินให้ตามปกติ

และได้มีการถามนายเวฟ ว่าทำไมบัญชีปลายทางจึงเป็นชื่อพระ แต่นายเวฟอ้าง ว่า พระคือเพื่อนสนิท ที่เคยทำงานกู้ชีพด้วยกันที่จังหวัดสุรินทร์ และบอกอีกว่าบัญชีส่วนตัวของนายเวฟ ถูกธนาคารอายัดไม่สามารถใช้งานได้ จึงให้บัญชีเพื่อนซึ่งเป็นพระมาแทน  ขณะนั้นเธองก็ไม่ได้เอะใจอะไร
จากนั้นก็มีการพูดคุยและคบหากันมาเรื่อยๆ  นายเวฟ ก็มีการหยิบยืมเงินเธออยู่ตลอด และทุกครั้งก็จะโอนผ่านบัญชีพระเช่นเดิม 

จากนั้นเธอก็เดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นวัดที่พระเชาวลิตร เพื่อนของนายเวฟ แฟนหนุ่ม พำนักอยู่ แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงไม่เจอนายเวฟ ซึ่งพระเชาวลิตร บอกว่า นายเวฟไม่อยู่ ออกไปกับแฟนสาวข้างนอก ทำให้เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะเข้าใจมาตลอดว่านายเวฟไม่ได้มีใคร และกำลังคบหาอยู่กับเธอ

หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกับทางพระเชาวลิตร ซึ่งขณะนั้นพระเชาวลิตร ก็ได้ขอยืมเงินเธอ ซึ่งเธอก็โอนเงินให้ จากนั้นก็กลับบ้านตามปกติ แต่เธอก็ยังพูดคุยกับนายเวฟ และยังคบหาเป็นแฟนเหมือนเดิม

จนกระทั่งช่วงกลางปี 2564 นายเวฟ ให้ความหวังมีการพูดคุยเรื่องแต่งงาน โดยจะจัดงานแต่งที่บ้านของเธอในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ตอนนั้นครอบครัวได้จัดงาน เตรียมงาน เชิญแขกมาร่วมงาน แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันงาน นายเวฟ เจ้าบ่าว ไม่มางานแต่ง และอ้างว่าเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นทำให้เธอและครอบครัวเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงให้อภัยและพูดคุยกันคบหากันตามเดิม

กระทั่งล่าสุด เธอและนายเวฟ ได้ตกลงที่จะจัดงานแต่งกันอีกครั้งในวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยนายเวฟ ได้ให้เธอโอนเงินไปให้ อ้างว่าเป็นค่ามัดจำชุดแต่งงาน 7,000 บาท ซึ่งเธอก็โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของพระเชาวลิตรเช่นเคย และในวันที่ 12 มีนาคม 2567 เธอก็เดินทางจากกรุงเทพ เพื่อที่จะกลับจังหวัดสุรินทร์ และไปเตรียมเรื่องงานแต่งที่จะจัดขึ้น แต่ปรากฏว่าขณะเดินทางก็ไม่สามารถติดต่อนายเวฟ ได้ เธอเริ่มเอะใจ เพราะก่อนหน้านี้เคยจัดงานแต่งเก้อไปแล้วหนึ่งครั้ง จนกระทั่งถึงวันงาน ก็ไม่สามารถติดต่อทั้งนายเวฟ และพระเชาวลิตรได้อีก ทำให้เธอต้องนั่งรถกลับมาทำงานที่กรุงเทพด้วยความเจ็บช้ำใจ

เมื่อติดต่อนายเวฟได้ ตนเองก็พยายามทวงถามถึงเรื่องเงิน และมีการบอกว่าจะไปขอความช่วยเหลือกับทนายรณณรงค์ ทำให้นายเวฟ อ้างอยู่ตลอดว่าจะหาเงินมาคืนให้ จนขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่บาทเดียว

นางสาวอ้อม ยังบอกอีกว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาที่คบหากับนายเวฟนั้น เธอได้ยินแต่เสียงในโทรศัพท์ หน้าก็ไม่เคยเห็น แขนก็ไม่เคยจับและด้วยความรัก ที่มีทำให้สูญเงินให้นายเวฟกว่า 3 แสนบาท ยอมรับว่าขณะนี้เธอช้ำใจเป็นอย่างมาก และอยากที่จะได้เงินคืน จึงตัดสินใจหอบหลักฐานร้องมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม

ตอนนี้เธอก็ถูกแม่ที่อยู่ทางบ้าน รวมทั้งคนในครอบครัว ต่อว่าด่าทอที่ทำตัวเหมือนคนโง่ ไปให้เขาหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเธออยากคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้ว

ทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า จากการที่ดูพยานหลักฐานสลิปโอนเงินเบื้องต้นอาจมีความผิดข้อหาฉ้อโกง มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท ทั้งนี้ก็จะให้ทางผู้เสียหายเข้าแจ้งความโรงพักในพื้นที่เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส