เสียชื่อประเทศ! ไกด์เถื่อนหลอกจองห้องพักนักท่องเที่ยวมาเลย์ 150 คน ไม่มีที่นอน

13 เม.ย. 67

นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 4 คันรถบัสกว่า 120 คน และนักท่องเที่ยวอีก 30 คน ตกเป็นเหยื่อไกด์เถื่อนหลอกจองห้องพักช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่หาดใหญ่

วันที่ 12 เมษายน 2567 พ.ต.อ.ภูมิบาล ทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ ได้รับรายงาน พ.ต.ท.อดินันท์ วงศ์หมัดทอง รองผกก.ป.สภ.หาดใหญ่ ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 4 คันรถบัส (จำนวน 120 คน) โดนไกค์เถื่อนหลอกจองพักช่วงเทศกาลสงกรานต์ ของอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยโอนจองห้องพักตั้งแต่เดือนกันยายน 2566

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าโรงแรมชื่อดังใจกลางเทศบาลนครหาดใหญ่ พบรถบัสนักท่องเที่ยวจำนวน 4 คัน จอดอยู่หน้าโรงแรมดัง ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ใจกลางเทศบาลนครหาดใหญ่ พร้อมกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็กจำนวนมากกำลังยืนรอหน้าโรงแรม และในโรงแรมทราบว่าได้ยืนรอเข้าห้องพักตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึง 19.30 น. โดยไม่สามารถเข้าห้องพักภายในโรงแรมได้ ซึ่งทางพนักงานโรงแรมแจ้งว่าไกด์คนไทยที่รับเงินค่าจองที่พักกับทางบริษัททัวร์ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียนั้นไม่มีการจองห้องพักกับทางโรงแรมแต่อย่างใด จึงไม่สามารถเข้าพักได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดต่อและตามตัวไกค์หญิงคนไทยให้มาที่โรงแรม เพื่อแก้ปัญหากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นทราบชื่อ นางสาววณิชชา หรือเน อายุ 39 ปี ไกค์หญิงคนไทย หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามตัวนางสาววณิชชา ก็ได้เดินทางมาถึงที่โรงแรมพร้อมกับเพื่อนสาวที่ทำงานเป็นไกด์นำเที่ยวด้วยกัน ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นไกด์ชาวมาเลเซียและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่างเดินกรูเข้าไปถามเรื่องห้องพักของโรงแรม ก่อนที่นางสาววณิชชาจะอ้างกับนักท่องเที่ยวว่า ตนเองเป็นพนักงานและทำงานอยู่ที่โรงแรมนี้ให้ใจเย็น ๆ ก่อนเดี๋ยวจะจัดการเรื่องห้องพักที่จองไว้ให้

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับทางไกด์หญิงชาวมาเลเซียที่เดินทางมาพร้อมกับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่อำเภอหาดใหญ่ได้เล่าว่าตนและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมากับรถบัสทั้งหมด 4 คัน ได้มีการจ่ายเงินจองห้องพักกับทางบริษัททัวร์ที่ประเทศมาเลเซีย โดยจองห้องพักล่วงหน้า 2 คืน 3 วัน ทั้งหมด 64 ห้อง รวมเป็นเงินริงกิตจำนวน69,840 ริงกิต หรือประมาณ 539,000 บาทไทย ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 กับทางบริษัททัวร์ของประเทศมาเลเซีย และทางบริษัททัวร์ได้มีการติดต่อและโอนเงินจองค่าห้องพักมาทางนางสาววณิชชา หลังมีการรับงานกับทางบริษัททัวร์ เมื่อวันกำหนดเที่ยวตนและนักท่องเที่ยวนั่งรถบัสตั้งช่วงเวลา 03.00 น. มาถึงหน้าด่านเข้าประเทศไทยช่วงเวลา 06.00 น. ก่อนเดินทางแวะเที่ยวตามจุดต่าง ๆ ในจังหวัดสงขลาพอถึงเวลา 12.00 น. ตามกำหนดตนและนักท่องเที่ยวทั้งหมดต้องเข้าห้องพักของโรงแรมแต่ทางนางสาววณิชชา ได้แจ้งมาว่ากำลังหาห้องพักและให้พานักท่องเที่ยวแวะไหนก่อนก็ได้ ตนจึงได้ให้คนขับรถบัสขับวนพานักท่องเที่ยวแวะซื้อของฝากเพื่อยื้อเวลาออกไป ต่อมาเวลา 16.00 น. ตนก็ให้คนขับรถบัสทั้ง 4 คัน ขับมาจอดหน้าโรงแรมที่ทางบริษัททัวร์มีการตกลงกับทางนางสาววณิชชาเอาไว้ เมื่อนางสาววณิชชาเดินทางมาถึงโรงแรมครั้งแรกได้แจ้งตนว่าได้ห้องพักแค่ 10 ห้องเท่านั้น ตนจึงต่อว่ากลับไปว่าที่จองหัองพักไว้คือ 60 ห้อง จากนั้นนางสาววณิชชา ได้หายออกจากโรงแรมไปแล้วก็กลับมาอีกรอบเวลา 18.00 น. แล้วก็แจ้งตนว่าไม่มีห้องพัก ห้องพักเต็มหมดแล้ว และขอตัวไปหาห้องพักก่อน ทำให้ตนและกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งหมดเริ่มไม่พอใจ เกิดอาการกระวนกระวาย มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มอยากจะกลับประเทศมาเลเซียทันที บางกลุ่มอยากจะเที่ยวช่วงสงกรานต์ที่อำเภอหาดใหญ่ เพราะจองทริปเที่ยวตั้งแต่ปีที่แล้ว และคืนนี้ก็ไม่รู้จะนอนพักที่ไหน เพราะโรงแรมเต็มหมดแล้ว

ต่อมา พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้เดินทางมาที่โรงแรม พร้อมกับนายราเชนท์ อายุ 52 ปี เจ้าของโรงเเรมดัง เพื่อแก้ปัญหาหาห้องพักให้กับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียทั้งหมด

จากนั้น พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้เดินมาที่โต๊ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสอบปากคำนางสาววณิชชา และเมื่อเห็นหน้านางสาววณิชชา และเพื่อนก็ได้มีการต่อว่าทั้งคู่ทันทีว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้เสียชื่อเสียง และเสียหายต่อประเทศไทยเป็นอย่างมากเข้าไปอยู่ในคุกทั้งคู่เลย

ก่อนจะหันมาทางผู้สื่อข่าวพร้อมกับแจ้งว่าตอนนี้ตนได้มีการพูดคุยกับทางนายราเชนท์เจ้าของโรงแรม ซึ่งทางนายราเชนท์ก็ได้เปิดห้องนวดของโรงแรมเป็นที่พักก่อนชั่วคราว พร้อมกับติดต่อโรงแรมรอบนอกเพื่อช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวเบื้องต้นก่อนในเรื่องของที่พัก ซึ่งตอนนี้มีนักท่องเที่ยวได้รับความเสียหายจากนางสาวณิชชารวมทั้งหมด 150 คน เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแล้วเราต้องช่วยกันทุกฝ่าย ส่วนเรื่องคดีปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีไปให้ถึงที่สุดเพราะประเทศไทยเสียหายและเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

ทางด้านนายราเชนท์ เจ้าของโรงเเรม เปิดเผยว่าสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่ทราบล่วงหน้าเลย ซึ่งที่ทราบคือนักท่องเที่ยวของตนที่จองห้องพักไว้และก็ชำระเงินล่วงหน้าไว้เรียบร้อย แต่เคสนี้ตนไม่ทราบจริง ๆและตนก็พึ่งทราบจากทางพนักงานประสานเข้ามาตอนประมาณ 17.00 น. ทางพนักงานแจ้งว่ามีลูกค้ามาและจองห้องพักเอาไว้แต่ไม่มี ทางโรงแรมไม่มีห้องพักให้ลูกค้า และทางลูกค้าได้โอนเงินมากับเอเยนต์มาเรียบร้อยแล้ว ตนจึงได้มาสอบสวนพนักงานทั้งหมดสรุปปรากฎว่าไม่มีการจองห้องพักหรือเกี่ยวข้องกับทางโรงแรมเลย โรงแรมไม่ได้รับการติดต่อจองห้องพักรับเงินมัดจำหรือใบจองหรืออะไรทั้งสิ้น ถ้ามีการจองห้องพักทางโรงแรมก็จะออกใบจองให้ และใบเสร็จรับเงินในกรณีลูกค้าจ่ายเงินค่ามัดจำทางโรงแรมจะประสานไปทางผู้จองหรือเอเยนต์เพื่อยืนยันว่าคุณได้จองพักกับทางโรงแรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าลูกค้าเข้าพักแน่นอน ทางเราจะได้เก็บห้องเอาไว้และยืนยันว่าไกด์หญิงคนดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือทำงานเป็นพนักงานของโรงแรมนี้

ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมานั้น ตอนนี้ก็กลางคืนแล้วทางตนจะคุยกับนักท่องเที่ยวถ้ายังไม่ได้ที่พัก ทางตนจะเปิดห้องประชุมของโรงแรมให้แล้วก็จะมีห้องนวดของโรงแรมสามารถเข้าพักฟรีได้คืนนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่นักท่องเที่ยวก่อน ส่วนเรื่องคดีนั้นมีการแอบอ้างถึงโรงแรมทางตนก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเช่นกัน เนื่องจากทำชื่อเสียงทางโรงแรมเสียหายอยากฝากถึงกลุ่มเพื่อน ๆ ผู้ประกอบการโรงแรมว่าตอนนี้มีมิจฉาชีพมาในหลายรูปแบบก็ให้ระมัดระวัง ส่วนของนักท่องเที่ยวนั้นถ้าเป็นไปได้ให้จองห้องพักกับเอเยนต์ที่น่าเชื่อถือ สามารถออกใบเสร็จรับเงินได้และสามารถตรวจสอบเอกสารการจองห้องพักของโรงแรมเพื่อยืนยันการจองห้องพักให้แล้วก่อนการเดินทางเพื่อป้องกันมิจฉาชีพมาไม่มีห้องพักในช่วงเทศกาล

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.หาดใหญ่และงานสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวได้ควบคุมตัวนางสาววณิชชา ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ พร้อมเชิญไกด์ของบริษัททัวร์ประเทศมาเลเซียที่มีการโอนเงินจองค่าห้องพักให้กับนางสาววณิชชา ใช้เวลาในการสอบปากคำถึง 2 ชม.จึงจะรับสารภาพว่าได้นำเงินจองค่าห้องพักของนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปใช้ส่วนตัวเกือบหมดแล้ว โดยเหลือเงินจองห้องพักแค่ 10 ห้องเท่านั้น

จากการตรวจสอบประวัติของนางสาววณิชชาพบว่า ได้ก่อเหตุแบบเดียวกันมาแล้วครั้งนึง ในพื้นที่สภ.คอหงส์ โดยทางบริษัททัวร์อีกบริษัทของประเทศมาเลเซียได้เข้าแจ้งความไว้เมื่อต้นปี 2566 และยังมีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล มาแล้วถึง 6 ครั้ง ซึ่งชื่อก่อนหน้านี้ชื่อ นางสาวจิราพัชร์ อัศวเจริญชัย ก่อนจะเปลี่ยนชื่อล่าสุด นางสาววณิชชา

หลังสอบปากคำแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 1ข้อหา คือข้อหาฉ้อโกงก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส