นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ "ครูปรีชา" เข้าติดตามคดีหวย 30 ล้านบาทที่กองปราบปราม เหน็บ "ทนายตั้ม" หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายคู่กรณีหลังจากถูกจับเมื่อวานนี้ ว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายปรีชา ใคร่ครวญ พร้อมนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความ เข้าติดตามความคืบหน้าของคดีหวย 30 ล้านบาท หลังจากที่เคยร้องเรียนว่านายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ฝ่ายคู่กรณีได้นำเอกสารซึ่งอยู่ในสำนวนคดีไปใช้ในกระบวนการศาล
นายปรีชา กล่าวว่า วันนี้นัดหมายกับทนายความมาติดตามความคืบหน้าในเรื่องที่เคยร้องเรียนกองปราบว่าฝ่ายทนายตั้ม และหมวดจรูญ ได้นำข้อมูลทางโทรศัพท์ซึ่งอยู่ในสำนวนคดีหวย 30 ล้านบาท ไปใช้การพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นของส่วนตัวที่แม้แต่ตนก็ยังไม่ได้รับ แต่คู่กรณีนำมาซักค้านในศาลจึงอาจมีผลต่อรูปคดี ซึ่งก็ไม่ทราบว่าใครได้มา และได้มาอย่างไร ทั้งนี้หากไม่มีความคืบหน้าทางคดี ก็อาจจะฟ้องร้องเอง โดยจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะการนำเอกสารส่วนตัวไปใช้ในขั้นตอนการพิจารณาคดีได้สร้างความเสียหายแก่ตน
ส่วนการต่อสู้ทางคดีนั้น ก็ได้ขออุทรณ์ต่อศาลไปแล้ว ความจริงก็คือความจริง ยังยืนยันว่าหวยฉบับนั้นเป็นของตน เพราะการจะซื้อเลขดังๆ นั้นต้องสั่งล่วงหน้าไว้ก่อนกับผู้ขายก่อน เชื่อว่าหมวดจรูญไม่ได้ซื้อหวยฉบับนั้นแน่นอน เพราะเจ้าตัวไม่สามารถตอบในชั้นศาลได้ว่าไปซื้อหวยมาจากใครที่ไหน
นายปรีชา กล่าวต่อ ส่วนกรณีทนายตั้มโดนตำรวจจับในข้อหาเบิกความเท็จต่อศาลวานนี้ ตนมองว่าเป็นเรื่องของเขา สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ใครทำอย่างไรก็ได้รับกรรมไปอย่างนั้น ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณชาวไทยที่ติดตามข่าวนี้มาตลอด รวมถึงคนที่เป็นกำลังใจอยู่เคียงข้าง เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ตนไม่โกหกใคร แต่เพราะหวยนั้นได้หายไปและตกไปอยู่ในมือของฝ่ายคู่กรณี
ขณะที่ นายวรยุทธ กล่าวว่า วันนี้มาร้องขอให้ตำรวจดำเนินการตรวจสอบบุคคลทั้งหมด 5 คน ซึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย เพราะเอกสารข้อมูลทางโทรศัพท์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสำนวนคดีของพนักงานสอบสวน ซึ่งเครือข่ายโทรศัพท์ต้นทางก็ระบุไว้ หากจะขอ ก็ต้องมีคำร้องจากศาล ทั้งนี้ ก็ต้องพิจารณากันต่อไปว่าการนำเอกสารส่วนบุคคลมาใช้พิจารณาคดี จะเข้าข่ายความผิดใดได้บ้าง