หนุ่มขี่ จยย. วิบาก ขึ้นไปนำสรีระพระภิกษุอายุ 75 ปี มรณภาพขณะปฏิบัติธรรมในป่า โดยมัดเอวลงเขาภูพาน เชื่อเป็นพระปฏิบัติดี ร่างไม่อืดบวมเน่าเปื่อย
จากรณีญาติได้ออกตามหา พระหนูใจ โพสาวัง อายุ 75 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาว บ.ผ้าขาว ต.ม่วงไข่ อ.พังโคน จ.สกลนคร ที่ไม่สามารถติดต่อได้ หลังออกไปปฏิบัติธรรมในเขตเทือกเขาภูพาน โดยพยายามไปตามจุดต่างๆ ที่คาดว่า พระสงฆ์รูปนี้จะเคยไปปฏิบัติธรรม กระทั่งเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 67 เวลาประมาณ 15.00 น. ญาติออกตามหาบริเวณบนเทือกเขาภูพาน บ.โคกภู ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร ห่างไกลจากถนนใหญ่ที่สัญจรได้ประมาณ 19 กม. ปรากฎว่า ได้พบร่างสรีระสังขารของพระหนูใจ นอนมรณภาพอยู่กลางป่า ร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการต่อสู้
ญาติจึงประสานไปยัง จนท.อุทยานแห่งชาติภูพาน พร้อมกับขอความช่วยเหลือจากกลุ่มเอ็นดูโร่ รถ จยย.วิบาก และชาวบ้านในพื้นที่ให้ช่วยนำสรีระสังขารของพระหนูใจลงมาจากเขา เนื่องจากจุดที่พบห่างไกลถนนใหญ่กว่า 19 กม. และยังต้องเดินเท้าขึ้นเขาสูงชันเข้าไปอีก 1 กม. ซึ่งรถ จยย. ไม่สามารถเข้าถึงได้
ล่าสุดผู้สื่อข่าวติดต่อพูดคุยไปยัง นายเอ็ม วัชรินทร์ สมาชิกกลุ่มเอ็นดูโร่และคนขี่ จยย.วิบาก นำสรีระของพระหนูใจลงมาจากเขากล่าวว่า ได้รับการประสานงานขอความช่วยเหลือจาก จนท.อุทยานแห่งชาติภูพาน ตนและกลุ่มเพื่อนที่ขี่ จยย.วิบาก ด้วยกัน จึงเร่งเดินทางไปยังจุดพบร่างพระสงฆ์ดังกล่าว
เมื่อเห็นคือท่านน่าจะมรณภาพในท่านอนหงาย ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย แต่ที่น่าสังเกตุคือสรีระสังขารของท่านไม่มีของเหลวไหลจากร่างกาย ผิวหนังแห้ง ไม่อืดบวม ซึ่งตามความเชื่อที่ตนเคยศึกษาตามพุทธศาสนามาสรีระสังขารเช่นนี้จะเป็นเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีและผู้มีศีลบริสุทธิ์ สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย สามารถกราบไหว้ได้
ทั้งนี้สาเหตุการมรณภาพ น่าจะเกิดจากร่างกายขาดน้ำหรือฮีทสโตรก เพราะพระหนูใจเคยเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่แห่งนี้แล้วเมื่อ 3 ปีก่อน คาดว่าครั้งนี้ก็คงเดินมาปฏิบัติธรรมอีกเช่นเคย แต่สภาพอากาศร้อนอบอ้าว และห่างไกลจากแหล่งน้ำ ประกอบกับพระหนูใจชราภาพจึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มรณภาพ
ซึ่งญาติไม่ติดใจใดๆ ทั้งนี้อยากฝากถึงหลายๆ เพจที่นำข้อมูลเท็จไปโดยแพร่ว่าพระหนูใจหลงป่าแล้วมรณภาพนั้น ไม่เป็นความจริงขอให้แก้ไขข้อมูลตรงนี้ด้วย