พ่อสารภาพสิ้น พลั้งมือยิงลูกโมโหถูกกดดันขอเงินซื้อยา มิหนำซ้ำรู้สึกเก็บกดที่ถูกทำร้ายทุบตี และไม่ได้ความเคารพจากลูก ยันไม่ได้ตั้งใจ
จากกรณีพบศพ นายณัฐวุฒิ สายสุพรรณ หรือ หนึ่ง อายุ 19 ปี ชาวบ้านบาก จ.อุบลราชธานี ถูกยิงเสียชีวิต อยู่ริมถนนบ้านหัวเรือทอง พื้นที่ ม.16 ต.หัวเรือ อ.เมือง เมื่อช่วงสายของวันที่ 18 พ.ค.67 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า เกี่ยวพันกับยาเสพติด ที่พบใกล้ศพ อาจเป็นไปได้ว่า ติดต่อซื้อยามาเสพและเกิดทะเลาะกับคนที่จะเสพยาด้วยกัน หรือมีปัญหากับคนส่งยาจึงถูกใช้ปืนจ่อยิงจนเสียชีวิต
ล่าสุดมีรายงานว่า คนก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพ่อของผู้เสียชีวิต โดยหลังตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี สอบปากคำพ่อผู้เสียชีวิตซึ่งคือ นายจีระชัย สายสุพรรณ อายุ 49 ปี พ่อผู้เสียชีวิต หลายชั่วโมง สารภาพสิ้นว่า เป็นคนก่อเหตุยิงลูกชายแท้ๆ ก่อนนำอาวุธปืนไปทิ้งที่คลองน้ำแห่งหนึ่ง
ต่อมาตำรวจคุมตัว นายจีระชัย มาค้นหาอาวุธปืน ที่คลองซอยบ้านหนองมุก ต.หัวเรือ โดยขอกำลังจากทีมประดาน้ำ อาสามูลนิธิศิษย์พระจิ้กง เมื่อมาถึงทีมประดาน้ำลงค้นหาไม่ถึง 5 นาที พบอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาดเบอร์ 9 อยู่ริมตลิ่ง มอบให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บบันทึกหลักฐาน
ขณะที่ นายจีระชัย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ไม่ได้ตั้งใจยิงลูก แต่เมื่อลูกชายมึนเมาก็กร่าง และยังมีพฤติกรรมชอบกดดัน ขอเงินหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดกดดันขอเงินจากตน จนเหลือเงินติดตัวเพียง 100 บาท ก่อนมีปากเสียงทะเลาะกัน จึงพลั้งมือยิงใส่ลูกไปแค่หนึ่งนัดเท่านั้น หลังจากยิงเสร็จออกมาจากที่เกิดเหตุทันที
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคุมตัว นายจีระชัย ไปยังถนนในหมู่บ้านขาม ห่างจุดทิ้งปืนมา 3 กม.โดยอ้างว่าระหว่างขี่รถมานั้นก็ได้โยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง ซึ่งระหว่างนี้ นายจีระชัย ได้เปิดใจกับทีมข่าวถึงการก่อเหตุในครั้งนี้ว่า เป็นเพราะความโกรธเคืองสะสมมานานมาก จากพฤติกรรมของลูกชาย เสพยาเสพติด เมาเหล้า โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดไม่รู้เสพมานานหรือยัง เพราะทุกครั้งที่ตักเตือนลูกก็จะปฏิเสธว่าไม่ได้เสพยา
อีกทั้งมีพฤติกรรมไม่เคยให้ความเคารพนอก จากทำร้ายทุบตีเตะต่อยแล้วเรียกตนขึ้นมึงขึ้นกูชื่อเล่นว่า ไอ้เบิ้ม และก็ชอบบังคับขู่เข็ญขอเงิน บางวันขอมากกว่า 10 ครั้ง ไม่พอขอให้ซื้อข้าวดึกดื่นตนก็ซื้อไปให้กิน ไม่เคยถือสาลูกชายเลย ไม่เคยขัดใจลูก
ล่าสุด ก่อนเกิดเรื่องขณะตนกำลังนุ่งผ้าจะอาบน้ำลูกมาขอเงิน ตนเผลอตะคอกใส่ ลูกไม่พอใจใช้เท้าเตะสะโพกตนล้มทั้งยืน ตอนนั้นเจ็บมากๆ ก่อนขอเงิน 200 บาท ตนเหลืออยู่ 500 สุดท้าย จึงให้เงินแบงค์ 500 บาทไป และขอให้ทอนกลับมาด้วย แต่สุดท้ายลูกทอนมา 150 บาท ก็รู้สึกโกรธเพราะว่า เงินที่เหลือจะนำไปซื้อข้าวสารมากรอกหม้อจึงแค้น ขอเงินคืนจากลูกแต่ก็ไม่ได้และเกิดการถกเถียงกัน
กระทั่งกลางดึกลูกโทรมาขอเงินอีกรอบจึงได้นัดเจอกันที่เกิดเหตุ โดยมีความรู้สึกนึกคิดอยู่ในใจว่า จะทำอย่างไรกับลูกคนนี้จึงพกอาวุธปืนติดตัวไปด้วย เมื่อเจอลูกชายยังชั่งใจสองจิตสองใจว่า จะยิงลูกชายทิ้งหรือไม่ เพราะคิดว่าถ้าลูกตายปัญหาคงจบ ทุกอย่างคงดีขึ้น และคิดอีกหากลูกชายตายวันนี้เสร็จสิ้นแล้วก็จะกินยาตายกันยกครัวดีหรือไม่
แต่เมื่อตนนึกถึงคำชาวบ้านและญาติพี่น้องที่พูดถึงพฤติกรรมไม่ดีของลูกชายมันก็รู้สึกเจ็บใจ เพราะหากลูกชายเป็นคนดี ตนเองก็จะรู้สึกดีมีความสุข แต่ที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนไม่ดีถูกชาวบ้านต่อว่า จึงทำให้ตนเองตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงลูกชาย เพื่อตัดปัญหาและคิดว่าถ้าลูกตายไปคนเดียวทุกอย่างก็คงดีขึ้น โดยย้ำว่าตอนนั้นไม่ได้เล็งเป้า เพราะใช้อาวุธปืนไม่เป็น
ผู้เป็นพ่อบอกว่า ขณะนั้นเห็นลูกล้มลง จึงตัดสินใจออกมาจากที่เกิดเหตุและกลับไปทำงาน เนื่องจากตนเองทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ประจำอยู่กะกลางคืน พร้อมยอมรับว่าขณะนั้นก็ยังนึกว่า ลูกน่าจะเสียชีวิตเพราะเคยดูหนังยิงคนร้ายนัดเดียวก็ตายแล้ว จึงคิดว่าลูกก็น่าจะเสียชีวิตเช่นเดียวกัน
สำหรับอาวุธปืน กระบอกที่ใช้ก่อเหตุตนเองซื้อมาเมื่อ 3 เดือนก่อน เนื่องจากตนเองนำไก่ไปตีที่ซุ้มแล้วมีปัญหา จึงซื้อปืนมาพกติดตัวเอาไว้ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยคิดซื้อปืนมาเพื่อหวังจะฆ่าลูกตัวเอง เพราะลูกก็คือลูกและตนเองก็ยังรักลูกเสมอ