เมียหนุ่มดับปริศนา ยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องการตายของสามี

19 พ.ค. 67

เมียหนุ่มดับปริศนา ยืนยันไม่เกี่ยวการตายสามี ฝากถึงน้องสาวที่ตัดขาดความเป็นพี่น้องกว่า 10 ปี ไม่โผล่ไปงานศพพี่ชาย แต่ถามหาสมบัติ ต้องการอะไร

 

จากกรณีน้องสาวนำหลักฐานเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ที่สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของพี่ชาย คือ นายพิชิต หรือ ต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย ที่จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา โดยสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ สงสัยว่าถูกวางยาพิษ จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่ชาย

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่สถาบันส่งเสริมธุรกิจสปาและความงาม รวมถึงสถาบันสอนตัดผมของนายพิชิต คนตาย กับภรรยา ที่ย่านรามคำแหง แต่พบว่าภรรยาของนายพิชิต ไม่ได้เข้ามาที่สถาบันทั้ง 2 แห่งในวันนี้ เราจึงโทรศัพท์ติดต่อไปที่ภรรยาของนายพิชิต คนตาย ระบุว่า วันนี้ตัวเองไม่สะดวกที่จะให้ทีมข่าวไปพบ เพื่อให้สัมภาษณ์ชี้แจงในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของสามี รวมทั้งสาเหตุที่น้องสาวของสามีออกมาเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้ เพราะตัวเองอยู่กับลูกๆทั้ง 3 คน และเป็นห่วงความรู้สึกของลูกมาก

ทีมข่าวจึงขอพูดคุยในบางประเด็นกับภรรยาของนายพิชิต คนตาย ผ่านทางโทรศัพท์ โดยภรรยาของนายพิชิต คนตาย บอกว่า ส่วนตัวก็ไม่ทราบถึงสาเหตุที่นางสาวณัฐปภัษร์ น้องสาวของสามีออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพี่ชาย ว่าทำไปเพื่ออะไรและต้องการอะไร เพราะทั้ง 2 คนมีปัญหาทะเลาะกันแล้วได้ประกาศตัดขาดความเป็นพี่น้องกันมานานกว่า 10 ปี ซึ่งหลังจากที่ทั้ง 2 คนมีปัญหากัน น้องสาวก็ได้เปลี่ยนชื่อ - นามสกุลหนีไปเลย ไม่เคยติดต่อกัน กระทั่งเป็นข่าวก็เพิ่งได้เห็นผ่านทางสื่อ

แม้กระทั่งพี่ชายเสียชีวิต น้องสาวคนนี้ก็ไม่ได้มาร่วมงานศพแม้แต่วันเดียว ส่วนเมื่อถามว่าตอนนี้มีความกังวลใจอะไรไหม ภรรยาของนายพิชิต บอกว่า ไม่ได้มีความกังวลอะไร ทั้งยังมองว่าทางฝั่งของนางสาวของสามีจะออกมาเคลื่อนไหวอะไรก็ถือเป็นสิทธิ์ แล้วก็ปล่อยให้เขาทำไป แต่ที่ตั้งข้อสังเกต คือ งานศพพี่ชาย น้องสาวยังไม่ไปร่วมงาน แล้ววันนี้จะมาเรียกร้องอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลับกันหากมองในมุมของตัวเอง คนตาย คือ สามี แล้วเป็นพ่อของลูก ทุกคนคิดว่าตัวเองไม่เสียใจกับการจากไปของสามีเหรอ มีใครรับรู้บ้างว่าตัวเองต้องเข้มแข็งต่อหน้าลูกๆมากแค่ไหน ขณะเดียวกันพอเป็นข่าว ตัวเองก็ตกเป็นจำเลยของสังคม เมื่อลูกๆไปโรงเรียนต้องเจอกับคำถามอะไรบ้าง ตัวเองต้องปกป้องมากขนาดไหน มีใครเข้าใจตรงส่วนนี้บ้าง

ภรรยาของนายพิชิต ฝากถามน้องสาวสามี ว่าที่ออกมาทำแบบต้องการอะไรจากครอบครัวของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาตัดขาดกันไปนานแล้ว ทั้งยังอยากถามด้วยว่า ถ้าสงสัยทำไมไม่มาร่วมงานศพพี่ชาย ซึ่งส่วนตัวมองว่า แม้จะเคยโกรธหรือเกลียดกันมากแค่ไหน แต่เมื่อรู้ว่าพี่ชายเสียชีวิตก็ควรมาร่วมส่งดวงวิญญาณเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ใช่มาถามหาสมบัติ มาสืบเสาะหาว่าพี่ชายมีทรัพย์สินอะไรบ้าง เพราะข้อเท็จจริง คือ ตัวเองกับสามีเริ่มจากคนที่ไม่มีอะไรเลย

ส่วนเมื่อเช้านี้ที่ตัวเองให้ญาติพาลูกสาวไปที่บ้านย่านพัฒนาการ 20 ก็เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวเลี้ยงแมวไว้ จึงเข้าไปเอาแมวมาดูแล โดยบ้านหลังดังกล่าว ก็คือบ้านของตัวเองกับสามีที่ซื้อไว้ ไม่ใช่บ้านของแม่สามี แล้ววันนี้ตอนที่ลูกสาวเข้าไป ก็มีคนที่อยู่ในถามว่า “ มาทำไม ” ซึ่งตามจริงตัวเองจะแจ้งความเอาผิดคนเหล่านั้นฐานบุกรุกก็ย่อมทำได้ ขณะที่ตั้งคำถามว่า
ตอนนี้ตัวเองต้องพาลูก 3 คน ออกไปเช่าคอนโดอยู่ แต่คนอื่นพากันเข้าไปอยู่ในบ้านของตัวเอง มันยุติธรรมแล้วหรือ

ภรรยาของนายพิชิต บอกว่า หลังจากเป็นข่าว และตัวเองอยู่เงียบๆ ไม่ได้ออกมาตอบโต้ ก็เพราะรู้ว่าเรื่องจริงคืออะไร จึงไม่อยากออกมาโต้แย้ง อย่างภาพศพของสามี ที่บอกว่า ดำคล้ำผิดปกติ ก็ตั้งข้อสังเกตว่ามีการปรับสี ปรับเเสง หรือไม่ เพราะรูปที่คนอื่นๆถ่ายไว้ ไม่เป็นแบบนี้ ส่วนศพของสามี นั้น ยอมรับว่า ไม่ได้ฉีดฟอร์มาลีน เพราะตอนแรกทางญาติสามีแจ้งว่าจะนำไปชันสูตร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอาไป จึงใช้วิธีบรรจุใส่โลงเย็นแทน แต่ทราบว่าในการสวดพระอภิธรรมคืนที่ 2 โลงเย็นขัดข้อง ความเย็นไม่ทั่วถึง ซึ่งทางร้านก็ได้นำโลงเย็นมาเปลี่ยนให้ใหม่ จึงอาจทำให้ศพเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

ภรรยานายพิชิต ยืนยันว่า ไม่ได้ขัดข้องหรือกีดกันเรื่องส่งศพสามีไปชันสูตร และไม่ได้พูดด้วยว่า ถ้าตรวจเจอสารเสพติดหรือยาพิษประกันจะไม่จ่าย  นอกจากนี้ ยังยืนยันด้วยว่า ไม่ได้รีบเผาศพสามี เพราะหากดูจากเฟซบุ๊กที่โพสต์ไว้ ตัวเองได้แจ้งว่า “ กำหนดการรอก่อนนะคะ ญาติพี่ต้นยังมาไม่ถึง “

ภรรยาของนายพิชิต บอกว่า ก่อนที่สามีจะเสียชีวิต ไม่ได้ป่วย หรือ มีโรคประจำตัวอะไร แต่เนื่องจากตัวเองได้แยกกันอยู่กับสามีได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ระหว่างนั้นก็ไม่ทราบว่าสามีไปทำอะไรมาบ้าง ส่วนเรื่องประกันชีวิตสามีทำไว้ทั้งหมด 3 ฉบับ และเป็นชื่อลูก 3 คน เป็นผู้รับผลประโยชน์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตัวเองกับสามีได้ตกลงกันว่าจะทำประกันไว้ให้ลูก เพราะถ้าหากวันนึงตัวเองกับสามีไปไม่ถึงปลายทางลูกๆจะได้ไม่ลำบาก

สุดท้ายภรรยานายพิชิต ได้พูดถึงน้องสาวของสามี ว่า ถ้าเป็นตัวเอง แล้วพี่ชายเสียชีวิต ก็คงไม่มาถามหาสมบัติอะไร ครั้งสุดท้ายที่จะทำให้พี่ชายได้ คือ ไปเผาศพ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้คุยกันเป็น 10 ปี ด่ากัน ทะเลาะกัน แค่ให้อภัยกันครั้งเดียววันเผาศพ น้องสาวของสามียังทำไม่ได้เลย แล้ววันนี้จะมาเรียกร้องอะไร.

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ