พริกขี้หนูแพงสุดในประวัติศาสตร์ พุ่งกก.ละ 400 บาท ลูกค้าบ่นแพงมากลดปริมาณการซื้อลง ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารบ่นอุบแพงทุกอย่างต้องปรับเมนูและวัตถุดิบไม่ให้เสียลูกค้า
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 พ.ค. 67 ที่ตลาดสดบางลำภูในเขตเทศบาลนครขอนแก่นผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาพริกขี้หนูภายหลังมีการปรับราคาขึ้นสูงสุดมากกว่าทุกๆปีที่ผ่านมาซึ่งจากการสำรวจราคาพริกขี้หนูจากพ่อค้าแม่ค้าในแต่ละร้านพบว่าราคาพริกขี้หนูอยู่ที่กก.ละ 350–400 บาท
จากการสอบถามน.ส.มลรินทร์ อายุ 37 ปี แม่ค้าขายผักสดที่ร้านแม่เพ็ญผัดสดเปิดเผยยกับผู้สื่อข่าวว่าราคาพริกขี้หนูในปีนี้ถือว่าแพงที่สุดในประวัติศาสต์ราคาขึ้นจากปกติในช่วงเดียวกันถึงสองเท่าโดยราคาพริกขี้หนูตอนนี้อยู่ที่กก.ละ 350 บาท แบบยังไม่เด็ดขั้วแต่หากเด็ดขั้วออกจะขายอู่ที่ราคากก.ละ 400 บาท และแบ่งขายเป็นขีดราคาขีดละ 40 บาท ส่วนผักอื่นๆก็มีการปรับขึ้นเช่นกันแต่พริกขี้หนูตั้งแต่ขายมาปีนี้ถือว่าแพงที่สุดเท่าที่เคยเห็นส่วนหนึ่งคงขึ้นอยู่กับกลไกตลาดและค่าขนส่ง รวมทั้งสภาพอากาศซึ่งช่วงที่ผ่านมาสภาพอากาศร้อนจัดทำให้พริกขี้หนูไม่ค่อยออกผลผลิตทำให้ขาดแคลน แต่ช่วงนี้มีฝนตกลงมาเชื่อว่าราคาจะค่อยๆปรับลงตามลำดับส่วนพริกอื่นๆนั้นราคาปรับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่จะมีเฉพาะพริกขี้หนูสวนที่ราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่เคยขายมาทำให้บรรยากาศการซื้อขายพริกและผักต่างๆลูกค้ามีการปรับเปลี่ยนซื้อน้อยลงและบ่นว่าแพงมาก
ด้านน.ส.ณัฐศิมา อายุ 52 ปี เจ้าของร้านอาหารใต้ลองแลต่ะซึ่งเดินทางมาซื้อวัตถุดิบสำหรับไปทำอาหารให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าตอนนี้ทั้งพริกและผักต่างๆปรับราคาขึ้นสูงจนแทบจะจับต้องไม่ได้ บางชนิดซื้อไปก็แทบไม่ได้กำไรส่วนตัวพยายามปรับเปลี่ยนวัตถุดิบแต่คงคุณภาพและราคาเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เสียลูกค้าไปจากเดิม ที่เคยซื้อสต็อกของจองไว้เยอะๆก็จะลดลงเพื่อให้ตัวเองอยู่ได้จากหลักหมื่นเป็นหลักพันเพื่อให้เงินไม่จมจะได้มีเงินหมุนเวียนในแต่ละวัน
ส่วนสาเหตุที่บอกว่ามาจากภาวะเศรษฐกิจนั้นส่วนตัวไม่เชื่อ แต่คาดว่าจะเป็นเพราะการขนส่งเพราะรับของมาจาก จ.เพชรบูรณ์ แล้วลงของที่กทม.ก่อนจะกระจายให้กับพ่อค้าแม่ค้ามาขายในแต่ละจังหวัดแทนที่จะขนส่งจากต้นทางไปยังจังหวัดนั้นเลยเพื่อลดราคาเชื้อเพลิงในการขนส่งลงเพราะผลิตผลต่างๆในพื้นที่การผลิตราคาไม่กี่บาทพอผ่านพ่อค้าคนกลางก็มีการปรับราคาขึ้นแล้วจึงมาถึงมือผู้ประกำอบการรายย่อยและผู้บริโภคทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นจนแทบจับต้องไม่ได้ตอนนี้ทำได้เพียงถูไถไปให้ตัวเองมีอาชีพอยู่รอดเท่านั้น