ผบช.ภ.1 แถลงข่าวจับตัว "โฟโต้" ฆาตกรโหดรับลงมือฆ่าจริง ปมขัดแย้งเรื่องธุรกิจ ทั้งนี้ยังต้องใช้เวลาในการสอบสวนต่อไปเพื่อความแน่นอน เพราะภาพกล้องวงจรปิดที่เหมือนมีการเตรียมการไว้ตอนนี้อยู่ในสำนวน จะต้องทำการสอบสวนต่อไป
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 1 มิ.ย.67 ณ ห้องประชุมผิวพรรณ สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ รองผบช.ภ.1 รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทรรองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.พงศ์สิน สุริยะอรุณศิริ รองผกก.สส. สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ รองผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมด้วยดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) และนายพรชัย พ่อของผู้ก่อเหตุ ได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังจับกุมตัวนายภูริณัฐ หรือนายโฟโต้ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี จ.490/2567 ลงวันที่ 21 พ.ค.2567 ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะ,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมของกลาง คือ 1.ทองคำแท่งจำนวน 28 บาท 2.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง 3.สมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม 4.บัตรประชาชน 4 ใบ 5.ซิมโทรศัพท์มือถือ 1 อัน 6.บัตรเครดิตจำนวน 3 ใบ โดยตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ที่จ.ชุมพร หลังหลบหนีกบดานที่บ้านญาติ
พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า ในการแถลงข่าววันนี้ได้ทำการจับตัวผู้ต้องหาคดีที่ฆ่าเพื่อนเสียชีวิตที่บริเวณคอนโดในเขตของสภ.เมืองนนทบุรี ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่น่าสนใจและน่าติดตามของประชาชนและสังคมซึ่งในคดีต้องใช้เวลาสมควรเนื่องจากพึ่งทราบเหตุการณ์ในวันที่ 26 พ.ค.67 ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เวลาในทั้งหมด 5 วันเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหาก่อเหตุได้ทางผู้ต้องหาหลบหนีไปที่จังหวัดชุมพร ซึ่งเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.67 แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งในวันที่ 26 พ.ค.67 ซึ่งศพของผู้เสียชีวิตมีสภาพที่ตรวจสอบยากเป็นที่น่าหดหู่ได้ตรวจสอบบาดแผล พบบาดแผลทั้งหมด 15 จุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตามตัวของผู้ต้องหาดังกล่าวยากพอสมควร เนื่องทางผู้ต้องหาเปลี่ยนชุด เปลี่ยนวิธีการเดินทาง เปลี่ยนลักษณะท่าทางในการเดินต่างๆ ทำให้ใช้เวลาในการจับกุม หลังที่จับกุมตัวผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจอของกลางด้วย โดยผู้ต้องหารับสารภาพ ว่าฆ่าจริงส่วนเรื่องพยานหลักฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะ,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ส่วนในเรื่องของด้านทรัพย์สินที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังหาหลักฐานเพิ่มเติม ทางเราได้เก็บรายละเอียดทุกประเด็น เพื่อดำเนินการต่อ สาเหตุจูงใจ เป็นเรื่องเกี่ยวกับทางธุรกิจที่ทำร่วมกันกับผู้ตาย จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีการร่วมทุนกันจริงหรือไม่ และจะต้องสืบสวนหาพยานเพิ่ม วันเกิดเหตุเป็นการนัดคุยเจรจรากันเพื่อเคลียร์ปัญญหาเรื่องเงินไม่ลงตัว ทางเจ้าที่ตำรวจจะตรวจสอบให้ละเอียดในเรื่องนี้ จะต้องหาให้หลักฐานเพิ่มด้วยว่าในวันเกิดเหตุเป็นการต่อสู้กันหรือไม่ เพราะตรวจสอบพบบาดแผลรอยช้ำบริเวณแขนของผู้ต้องหา ตามที่คำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาว่าเกิดการทะเลาะกันก่อนจะต้องรอตรวจสอบ และในเรื่องขิงการหลบหนี ผู้ต้องหาหนีเพื่อเป็นการประวิงเวลาให้ได้ยาวนานที่สุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวมพยานหลักฐานทุกอย่างไม่ว่าจะในเครื่องโทรศัพท์ หรือดูจากพยานจะต้องตรวจสอบให้ครบ ทางผู้ต้องหาได้รับสภาพว่าลงมือฆ่าจริง แต่ส่วนเรื่องมูลเหตุจูงใจ ในเบื้องต้นที่สอบปากคำคือปมขัดแย้งเรื่องธุรกิจ ทั้งนี้ยังต้องใช้เวลาในการสอบสวนต่อไปเพื่อความแน่นอน เพราะภาพกล้องวงจรปิดที่เหมือนมีการเตรียมการไว้ตอนนี้อยู่ในสำนวน จะต้องทำการสอบสวนต่อไป
ส่วนการทำแผนชี้จุดเกิดเหตุอยู่ที่ความสมัครใจของผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจที่ทั้งสองคนที่ร่วมลงทุนด้วยกัน เบื้องต้นทราบว่าเป็นธุรกิจที่ค้าขายสั่งสินค้ามาจากต่างประเทศและมาร่วมกันขาย อาจจะแบ่งเงินไม่ลงตัว จึงทำให้เป็นสาเหตุขึ้น และถ้ามีข้อมูลที่ชัดเจนถ้าไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ จะเป็นการจ้างวานฆ่า หรือเหตุผลอื่น ก็จะต้องดำเนินการสอบสวนสืบสวนหาพยานหลักฐานใหม่อีกครั้งจะไม่ทิ้งทุกประเด็นที่ทางสังคมได้สงสัย ซึ่งทางตัวต้องหาตอนนี้ หลังจากสอบปากคำรู้สึกสำนึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางผู้ต้องหาอยากจะขอโทษทางคุณพ่อ และทางพ่อของผู้ต้องหาอยากจะออกมาขอโทษต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตการขอโทษสังคม
ทางด้านนายพรชัย อายุ 62 ปี พ่อผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนต้องขอไถ่โทษทางคุณพ่อคุณแม่ของครอบครัวผู้เสียชีวิตและพ่อแม่พี่น้องประชาชน ที่ติดตามคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสิ่งที่ลูกชายได้ทำในครั้งนี้ จะต้องได้รับความผิดตนรู้สึกเสียใจมากๆตนจะต้องขอเป็นตัวแทนของการขอโทษขออภัยกับคุณแม่และญาติของครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้ง สิ่งที่ตนจะทำที่พอจะช่วยได้คือ จะดำเนินการเยียวยาตามความสามารถที่ตนทำได้ เมื่อคืนตนเข้ามาเจอลูกชาย ซึ่งลูกตนเคยเกิดอุบัติเหตุโดนรถชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมาทำให้น้องสลบ ช่วงคอได้รับการผ่าตัด ใช้เวลารักษาระยะเวลาสามเดือน ส่วนแว่นที่น้องใส่เป็นแว่นสายตายาวน้องจะใส่อยู่ตลอดเวลา แต่เป็นบางครั้งที่จะใส่แว่นกันแดดซ้อนกันเหมือนตามภาพข่าวที่ออกไป ปกติลูกชายตนไม่ได้เป็นคนใจร้อน ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายภูริณัฐ ผู้ต้องหา เข้าห้องน้ำ ก่อนจะเข้าห้องผู้ต้องขัง ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ แต่ทางนายภูริณัฐ ไม่ให้ข้อมูลหรือสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด แต่ผู้ต้องหาได้พยักหน้า 1 ครั้งหลังจากสื่อมวลชนสอบถามว่ามีความสำนึกผิดหรือไม่
ทั้งนี้หลังจบการแถลงข่าวนายพรชัย พ่อของนายภูริณัฐ หรือโฟโต้ ได้ขอเข้าเยี่ยมลูกชายโดยได้มีการพูดคุยซักพัก ก่อนจะลูบหัวให้กำลังใจลูกชาย และกล่าวสั้นๆกับสื่อมวลชนว่า ตนเข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจลูกชาย บอกให้เข้มแข็งและยอมรับในสิ่งที่เราทำ พรุ่งนี้ต้องเข้าเรือนจำแล้ว ต้องยอมรับสภาพตัวเอง สภาพจิตใจก็คงเหมือนคนทั่วๆไปหากต้องไปอยู่ในเรือนจำที่ๆไม่เคยอยู่ ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะดำเนินการประกันตัวหรือไม่ คงต้องรอปรึกษากับครอบครัวก่อน