ครูเกษียณฯ เผย พลังศรัทธาเด็กเชื่อมจิต เพราะรู้สึกปิ้้ง-เก็ท เหมือนเจอแฟนคนที่ใช่ ยันเชื่อมจิตมีจริง แต่อาจให้ศัพท์เรียกคนละอย่าง ลั่นทุกวันนี้ไม่ได้โง่
วันที่ 4 มิ.ย. 67 ที่กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นางเอ ครูเกษียณราชการ ซึ่งเป็นญาติธรรม ผู้ศรัทธาในตัวเด็ก 8 ขวบ เชื่อมจิต เดินทางมาร่วมให้กำลังใจครอบครัวเชื่อมจิต เปิดเผยสาเหตุที่มีความเชื่อและความศรัทธาว่า
นักข่าวเคยมีแฟนหรือไม่ มันเป็นความรู้สึก “ปิ๊งและมันเก็ท” เพราะว่าเจอคนที่ใช่ และที่ผ่านมายอมรับว่าเคยโดนน้องใช้มือแตะหน้าผาก ซึ่งตนมีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรมเชื่อมจิตมาแล้วถึง 3 ครั้ง เป็นการกระทำเหมือนกันหมดทุกคน แต่อยู่ที่ว่าคนไหนต้องทำวิปัสสนากรรมฐาน มาถึงจุดหนึ่งก่อนถึงจะเข้าถึงได้
การเชื่อมจิต เช่น พระสาวิปัสสนากรรมฐานจะมีการสื่อทางจิตกันอยู่แล้ว แต่คนที่ทำถึงคือคนที่เพิ่งมาหัดนั่งสมาธิ ซึ่งทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ แต่จะทำให้เราสงบขึ้น และเห็นช่องทางที่จะดำเนินการต่อไป
นางเอ กล่าวต่อว่า ส่วนที่สำนักพุทธออกมายืนยันว่าการเชื่อมจิตไม่มีในพระไตรปิฎกนั้น เนื่องจากศัพท์เป็นคนละคำ ยุคในอดีตกับยุคนี้แตกต่างกัน ฉะนั้นคำศัพท์ต้องเปลี่ยนแปลงไป วัยรุ่นสมัยนี้ใช้คำศัพท์อะไรเรายังไม่รู้เลย ฉะนั้นยืนยันว่าคำศัพท์สามารถเปลี่ยนไปได้ แต่เราเข้าใจจุดประสงค์ของการฟังและเข้าใจได้ง่าย ดังนั้นจะเรียกอะไรก็ได้ พร้อมยอมรับว่าจากการเข้าไปปฎิบัติธรรม ตนยังไม่เคยเห็นแสงสีทองประตูสีขาว หรือการพบเห็นนรก สวรรค์ ซึ่งเปรียบเทียบตนเองนั้นยังอยู่ในขั้นศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพราะตนเพิ่งมาเจอน้อง และเข้ามานั่งสมาธิในช่วงเดือน ก.ย. 66
“ซึ่งเราเก็ทว่าทำไมเด็ก 2 ขวบ ถึงสามารถสอนพ่อแม่นั่งสมาธิได้ และศัพท์ที่ใช้เด็กพูดฉะฉานมาก ที่ผ่านมาเราสอนเด็กมามาก พบว่าอายุเท่านี้ ไม่สามารถพูดได้มากมายขนาดนี้ และก่อนหน้านี้ตนเคยให้สัมภาษณ์และถูกด่าว่าโง่ แต่ยืนยันว่าทุกวันนี้ไม่ได้โง่ ขออย่าคิดว่าทุกคนจะต้องทำได้เหมือนกันหมด ไม่เช่นนั้นพระอรหันต์ก็คงมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง”
นางเอ กล่าวอีกว่า และขอให้ไปสอบถามพระอาจารย์ที่นั่งวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งจะบอกว่าขึ้นอยู่กับตนเองปฏิบัติได้มากแค่ไหน หรือแม้แต่คนที่มาโจมตีในทุกวันนี้ ก็เคยเชื่อมจิต แต่ไม่ได้ใช้คำว่าเชื่อมจิตแค่นั้นเอง แต่มีการใช้คำศัพท์สมัยโบราณ แต่จะเป็นคำว่าอะไรนั้นตนก็ไม่ทราบ เพราะตนไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก และถึงแม้จะไม่เคยอ่านก็รู้ว่าอาจารย์น้องไนซ์ ไม่เคยสอนให้คนทำชั่ว ไม่เคยสอนให้ไปเสียเงินซื้อทองถวายพระเพื่อแก้กรรม ไม่สอนให้เราไปนั่งวิปัสสนาในป่าช้า หรือสอนให้เรางมงายในวัตถุเครื่องรางของขลัง โดยสอนเพียงอย่างเดียวคือ ต้องฝึกวิปัสสนากรรมฐานด้วยตนเองถึงจะมองเห็นได้