ภรรยา "รองแบงค์" เข้าพบตำรวจขอดูสมุดที่สามีเขียนสั่งเสีย ข้องใจไม่เชื่อว่าจะปลิดชีพตัวเอง ด้านตร.บอกต้องรอผลสรุปรายงานการชันสูตรพลิกศพมาประกอบกันอีกครั้ง
29 มิ.ย. 67 ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิงเมืองเชียงใหม่ นางสุทธีวรรณ อายุ 40 ปี ภรรยาของ “รองแบงค์” พร้อมเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน ได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อมาขอดูสมุดบันทึกเล่มสีแดงที่ทางเจ้าหน้าที่พบตกอยู่ที่เบาะหลังด้านหลังคนขับรถของ “รองแบงค์” ที่ขับรถเก๋ง มาจอดทิ้งไว้ใต้สะพานต่างระดับเชียงขาง ถนนวงแหวนรอบ 2 ข้างสวนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ท้องที่ตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วง 22.00 น. คืนที่ผ่านมาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
นางสุทธีวรรณ ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า ยังติดใจไม่เชื่อว่าสามีจะทำร้ายตัวเอง เพราะก่อนหน้านั้นได้พาสามีไปพบแพทย์ที่คลินิกจิตเวชแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่และทางแพทย์ได้ให้ยามารับประทานโดยตรวจแล้วไม่พบว่าสามีมีอาการเป็นโรคซึมเศร้า มีเพียงแต่เป็นโรควิตกกังวลเท่านั้น ส่วนสามีเครียดด้วยสาเหตุอะไรนั้นตนไม่ทราบเพราะสามีไม่เคยเล่าให้ฟังแต่สามีได้เล่าให้จิตแพทย์ฟังไปหมดแล้ววันนี้จึงได้มาขอดูสมุดบันทึกที่สามีเขียนสั่งเสียไว้จำนวนหลายหน้า
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปค้นเอาสมุดบันทึกของผู้ตายที่พบในรถเล่มสีแดงออกมาจากซองหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ได้แพ็กมาเป็นชุด ซึ่งมีกลิ่นเหม็นมากจนไม่สามารถนำมาเก็บไว้ในห้องแอร์ตำรวจได้จึงต้องเอาไปตากผึ่งแดดไว้ให้แห้งก่อน
จากนั้นได้นำสมุดบันทึกสีแดงที่พบเบาะหลังรถคันดังกล่าวมาให้ภรรยาของครูแบงค์ได้อ่านดู โดยภรรยาของรองแบงค์ได้เปิดอ่านดูทีหน้าทีละหน้าและยืนยันว่าเป็นลายมือของสามีตนจริงและเรื่องเงินและทรัพย์สินและหลักฐานการทำประกันชีวิตและฌาปนกิจต่างๆนั้นถูกต้องตรงตามที่สามีเขียนไว้ทุกอย่าง
อย่างไรก็ตามทางภรรยาของรองแบงค์ได้เปิดมาถึงหน้าสุดท้ายของสมุดเล่มดังกล่าวพบว่า มีข้อความหนึ่งที่ตัวหนังสืออ้วนขึ้นมาโดยมีข้อความว่า ติดต่อฉุกเฉินไม่เหมือนกับตัวหนังสือของสามีตนแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งข้อสันนิษฐานว่าสมุดหน้าสุดท้ายดังกล่าว ผู้ตายน่าจะเขียนก่อนที่จะหมดลมหายใจเพราะเป็นหน้าสุดท้ายของสมุดและสมุดก็ตกอยู่ใกล้ๆกับศพด้วย
นางสุทธีวรรณ กล่าวว่า ที่มาดูสมุดบันทึกของสามีในวันนี้เพื่อต้องการทราบว่าสามีทำร้ายตัวเองจริงหรือไม่ และยังจะขอดูหลักฐานภาพถ่ายสภาพศพของสามีภายในรถจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อธิบายว่า ต้องรอผลสรุปรายงานการชันสูตรพลิกศพของตำรวจพิสูจน์หลักฐานและของแพทย์ภาควิชานิติเวชโรงพยาบาลมหาราชมาประกอบกันอีกครั้ง แต่จากการตรวจสอบรอบๆที่เกิดเหตุแล้วน่าเชื่อว่าผู้ตายน่าจะทำร้ายตัวเองประกอบกับจุดที่จอดรถนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดมีเพียงจุดที่ขับผ่านไปเท่านั้น