ตำรวจล้อมจับ หนุ่มอดีตนาวิกโยธิน คลั่งยาบ้า นานกว่า 16 ชม.

19 ก.ค. 67

 

ตำรวจล้อมจับ หนุ่มอดีตนาวิกโยธิน หน่วยจู่โจมกองทัพเรือ คลั่งยาบ้า นาน 16 ชม. ควงปืนลูกซองอาละวาด จนพ่อแม่ต้องหนีออกมาจากบ้าน 

เมื่อเวลา 15.21 น. วันที่ 18 ก.ค. 67 ตร.สภ.วังสะพุง จ.เลย ได้รับแจ้ง มีเหตุทะเลาะวิวาทภายในครอบครัว พื้นที่บ้านกกเต็นต์ ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย จนพ่อแม่ต้องหนีออกมาจากบ้านแจ้งตำรวจ 

โดยผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืนลูกซองสั้น เมื่อรับแจ้งได้รายงานให้ พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.เลย พ.ต.อ.ธนะวัฒน์ สุมานัส ผกก.สส.ภ.จว.เลย พ.ต.อ.นพดล เปลี่ยนรูป ผกก.สภ.วังสะพุง และนายประชา แสนกลาง นอภ.วังสะพุง ทราบ และประสาน ตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบ 

ตำรวจล้อมจับ หนุ่มอดีตนาวิกโยธิน คลั่งยาบ้า นานกว่า 16 ชม.

พบนายสาวิต เล้าธนธรรม อุ้ม อายุ 35 ปี ผู้ก่อเหตุถืออาวุธปืนลูกซองยาว เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงใส่ 1 นัด จนต้องหลบหาที่กำบัง จากนั้นได้ขอกำลังเสริมกว่า 30 นาย ปิดล้อมบ้านพัก โดยไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนี มีการปิดถนนระยะทาง 400 เมตรไม่ให้รถสัญจรไปมา และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเด็ดขาด 

ตำรวจล้อมจับ หนุ่มอดีตนาวิกโยธิน คลั่งยาบ้า นานกว่า 16 ชม.

จากนั้น พ.ต.อ.นพดล เปลี่ยนรูป ผกก.วังสะพุง ได้นำตัวนายประเวสน์ แก้วสุวรรณ อายุ 56 ปี เป็นลุงของผู้ก่อเหตุ มาช่วยเจรจาแต่ก็ไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่ต้องวางแผนให้น้ำดื่มและอาหาร โดยใส่ยานอนหลับจำนวน 8 เม็ดให้ผู้ก่อเหตุ ผ่านไป 1 ชั่วโมง ผู้ก่อเหตุก็ไม่ทีท่าจะหลับ และมีอาวุธปืนลูกซองสั้นติดตัวอยู่ตลอดเวลา จนมีการเจรจารอบที่สอง ผู้ก่อเหตุได้เดินออกมาที่ประตูหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ให้ยกมือและเดินออกมาๆ ช้า แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมเดิน จนผ่านไป 3 ชั่วโมง ผู้ก่อเหตุพยายามขี่รถจักรยานยน เพื่อหลบหนี แต่สตาร์ทไม่ติด จึงได้เดินเข้าไปในบ้าน ปิดประตูลงกลอน และปิดไฟบ้าน จากนั้นได้ประสานไปยังชุดสวาทของ กก.สส.ภ.จว.เลย นำกำลังมาเสริม วางแผนเพื่อเข้าชาร์ทจับกุม แต่ด้วยความมืด และมีฝนตกเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงตัวผู้ก่อเหตุ  เกรงว่าเจ้าหน้าที่จะถูกยิงสวนออกมา และไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืนชนิดใดบ้านจึงได้วางแผนกันใหม่ 

ตำรวจล้อมจับ หนุ่มอดีตนาวิกโยธิน คลั่งยาบ้า นานกว่า 16 ชม.

นายประเวสน์ แก้วสุวรรณ อายุ 56 ปี ลุงของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า หลานชายเสพยาบ้ามานานแล้ว จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งมานาน 5-6 ปีแล้ว ส่วนสาเหตุเกิดจากอาการหลอนของการเสพยาบ้า และพกอาวุธปืนด้วย ตอนที่เข้าเจรจาก็ไม่มีอะไรกดดันหลานชายมาก มีอะไรไหม และหิวข้าวไหม หลานบอกว่าหิว เจ้าหน้าที่เลยส่งน้ำ และมาม่าคัพใส่ยานอนนอนหลับให้ ตอนเจรจาเข้าใกล้ตัวหลานชาย 5 เมตรเท่านั้น เพราะหลานมีอาวุธปืน จึงไม่กล้าเข้าไปไกลๆ 

นายธนากร ชัยมง อายุ 26 ปี น้องชายผู้ก่อเหตุ เล่าว่า พี่ชายวันนี้เกิดอาการหงุดหงิด เกี่ยวกับการอบรมยาเสพติด ส่วนเกิดอาการคลุ้มคลั่งเกิดจากอาการหลอนยาบ้า และไปเสพยามาด้วย เคยทำร้ายพ่อแม่ด้วย ปกติพี่ชายจะอยู่บ้านคนเดียว ส่วนผมทำงานนานๆ ทีจะกลับมาบ้าน ส่วนพ่อแม่อยู่ด้วยกัน บ้านที่ติดกัน 

ตำรวจล้อมจับ หนุ่มอดีตนาวิกโยธิน คลั่งยาบ้า นานกว่า 16 ชม.

จนกระทั่งเวลา 01.00 น. วันที่ 19 ก.ค. 67 กินเวลานานถึง 9 ชั่วโมง ผู้ก่อเหตุไม่มีทีท่าจะมอบตัว เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนจะบุกเข้าชาร์ท แต่ด้วยความมืด และอันตราย  และกลัวชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจะถูกลูกหลงจนได้รับอันตราย  จึงได้วางแผนปิดล้อมไว้ โดยตอนเช้าจะขอศาลอนุมัติหมายจับ และเข้าชาร์ททันที 

จากนั้นเวลา 07.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งทราบว่านอนหลับอยู่ในห้องชั้นล่างของบ้าน จากนั้นได้ไปด้านข้างของบ้านที่เป็นห้องนอนของผู้ก่อเหตุ แล้วเอาหินปาใส่กระจกจนแตก ทำให้ผู้ก่อเหตุตกใจ ตื่นขึ้นมา เดินออกมาที่หน้าบ้าน ในสภาพที่ไม่ใส่เสื้อ เจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่มอยู่หน้าบ้าน เข้าจับกลุ่มทันที พร้อมนำเข้าไปตรวจค้นในห้องนอน พบอาวุธปืน ลูกซองสั้น 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง ในกระเป๋าสะพาย 1 ปอก จากนั้นนำตัวไปทำแผน 

ตำรวจล้อมจับ หนุ่มอดีตนาวิกโยธิน คลั่งยาบ้า นานกว่า 16 ชม.

โดยเบื้องต้นผู้ก่อเหตุให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันลุงของผู้ก่อเหตุได้นำซอยจุ๊ และข้าวเหนียวมาให้ผู้ก่อเหตุกิน เนื่องจากไม่ได้กินข้าวมาทั้งคืน ขณะเดียวกันทางพ่อแม่ทราบข่าวว่า ลูกชายถูกจับกุมตัวแล้ว จึงเดินทางมาดู เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ก่อเหตุมาทำการขอขมาพ่อแม่ ทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่ถึงกับน้ำตานองหน้า บอกกับลูกว่าพลาดไปแล้ว แก้ตัวใหม่ ให้ทำตัวดีๆ พ่อและแม่ยังรักอยู่ 

ในเบื้องต้นผู้ต้องหา ซึ่งยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิงตำรวจ จากการตรวจสอบประวัติ ผู้ก่อเหตุเคยเป็นนาวิกโยธินหน่วยจู่โจมของกองทัพเรือ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส