ทักษิณ แฮปปี้มาก กลับมาเบิร์ธเดย์ 75 ปีที่บ้านจันทร์ส่องหล้าในรอบ 17 ปี เผยลูกๆรวมเงินซื้อเปียโนเป็นของขวัญ แซวตัวเองทุกวันนี้ได้เงินเดือน 700 บาท
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.ค. 67 ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังทำบุญ และรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัว และแกนนำพรรคเพื่อไทย เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 75 ปีว่า
ทุกคนอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนกับอยู่บ้านเรา มีครอบครัว มีเพื่อนฝูง มีอาหาร มีวัฒนธรรม มีสิ่งแวดล้อมที่เราเติบโตมา ปีนี้เป็นปีแรก ถือว่ามีความหมาย และมีความสุขมาก อีก 2 วันก็จะเป็นวันสำคัญของคนไทยแล้ว พวกเราก็เลยมีความสุขกันว่า เรามาอยู่เมืองไทยได้มีโอกาสร่วมเฉลิมฉลอง 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร่วมกับคนไทยด้วย ถือว่ามีความสุขมาก
เมื่อถามว่า วันนี้ขอพรอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า สุขภาพมีค่าที่สุด ทุกคนที่อายุเกินวัย 55 ปีขึ้นไป ต้องเริ่มดูแลเรื่องสุขภาพ เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต ถ้าเรามีพลังอยู่ก็สามารถทำงานให้บ้านเมืองได้มาก ถ้าเรายังรักษาร่างกายเรา สมองแจ่มใส ทำอะไรช่วยบ้านเมืองได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ สำหรับวันนี้ก็ได้มีการทำบุญนิมนต์พระที่เคารพนับถือมาสวดให้พร และถวายเพลพระ ได้กินข้าวง่ายๆ กับคนใกล้ชิด ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ ญาติพี่น้อง ก็มีความสุขดี บรรยากาศอบอุ่นไม่ต้องตีตั๋วเครื่องบินไป ไม่งั้นทุกปี น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊งค์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นขาประจำ ต้องตีตั๋วเครื่องบินไป
เมื่อถามว่า ได้ข่าวว่าเลี้ยงวันเกิดกันมา 2-3 วันแล้ว นายทักษิณ กล่าวว่า คนอื่นเลี้ยงให้ก็เลยไปร่วมไปจอยกันนิดหน่อย เมื่อถามว่า เห็นบอกว่าจะอยู่อีก 40 ปีใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เราก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง มันจะได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่เราต้องให้กำลังใจตัวเองไว้ก่อน เมื่อถามว่า หลังจากวันที่ 22 ส.ค. 67 บทบาทจะเป็นอย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไร ก็ห่วงบ้านเมืองเป็นเรื่องธรรมดา คนเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีมาก็คิดถึงบ้านเมือง ห่วงบ้านเมือง ห่วงประชาชน มีอะไรที่เราคิดว่าจะต้องแนะนำได้เราก็จะทำผ่านช่องทางทางการเมือง เพื่อให้เขาได้ไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างจริงจัง
เมื่อถามว่า มีโอกาสจะรับตำแหน่งอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่มีอะไร เพราะเงินเดือน 700 มันจะรับตำแหน่งอะไรได้” เมื่อถามย้ำว่า จะเข้ามามีบทบาทในพรรคเพื่อไทย เพื่อช่วย น.ส.แพทองธารหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพ่อให้คำปรึกษาลูกจะดีกว่า
เมื่อถามว่า เป็นห่วงอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เป็นห่วง เป็นห่วงก็เพียงบ้านเมือง และเศรษฐกิจ วันนี้ชาวบ้านก็ลำบาก ซึ่งก็ต้องช่วยกันคิดจะพลิกฟื้นอย่างไรให้เร็วที่สุดให้สามารถทำได้ทักษิณให้เมื่อถามว่าสถานการณ์ของประเทศตอนนี้ ควรจะทำอะไรก่อน วันนี้ต้องเรียกความเชื่อมั่น พอเราขาดความเชื่อมั่นระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ความเชื่อมั่น และความเชื่อถือ ความไว้วางใจเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นต้องเรียกกลับคืนมาให้ได้ ถ้ากลับคืนมาได้เงินก็จะไหลมาเอง ถ้าไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีความน่าเชื่อถือเงินก็จะหายหมด วันนี้ชาวบ้านเป็นหนี้เยอะ เราจำเป็นต้องเสกคาถาเรียกเงินกลับเข้ามาให้ได้
เมื่อถามว่า วันหยุดที่ผ่านมาได้ไปพักผ่อนเขาใหญ่และร่วมวงตีกอล์ฟกับนักธุรกิจได้พูดคุยหารือเรื่องการเมืองหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า วันนั้นไม่ได้คุยเรื่องการเมืองเลย คุยล้อเล่นกันสนุกสนาน เพราะเป็นคนที่สนิทสนมกันมานาน ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง ซึ่งน.ส.แพทองธารก็ไปด้วย เราก็ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง เราร้องเพลง เพราะการผ่อนคลายสำคัญที่สุด นิสัยของตนตั้งแต่เป็นนักธุรกิจตั้งแต่ไปกู้เงินธนาคาร เวลาไปกินข้าวเราไม่ค่อยคุยเรื่องงาน เราจะคุยเรื่องมโนสาเร่ดินฟ้าอากาศ เรื่องครอบครัว ถ้าจะคุยเรื่องงานจริงๆ ก็ตอนมีของหวานมาแล้ว แป๊บเดียวสั้นๆ แต่ครั้งนี้ไม่มีของหวานก็เลยไม่ได้คุยเรื่องการเมือง เพราะมันอิ่มก่อน ก็เลยลืมพูดเรื่องการเมือง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการฮั้วกับเจ้าสัวด้านพลังงาน นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ ทุกอย่างบ้านเรามีกฎเกณฑ์อยู่ คนรู้จักเพื่อนฝูงต้องอยู่ในกฎเกณฑ์มันไม่สามารถทำอะไรฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ได้ รวมถึงนาย สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นเพื่อนกันมาเก่าแก่ เมื่อนายอนุทินรู้ว่าตนจะไปเขาใหญ่ โดยน.ส.แพทองธารวางแผนไว้ล่วงหน้า 3 สัปดาห์ ซึ่งลูกหลานก็ไป นายอนุทินก็ชวนตนมาที่โรงแรมของนายอนุทิน เพื่อมากินข้าวกัน แต่ปรากฏว่า สส.ในพื้นที่ทราบข่าว เขาก็มากันหมดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อถามย้ำว่า คนมองว่าเป็นปฏิญญาเขาใหญ่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่มีครับ ปฏิญญาทำให้ผมวุ่นวายมารอบหนึ่งแล้ว ความจริงมันไม่มีอะไรเลย ก็ขอให้คิดว่าถึงแม้ผมจะเป็นนักการเมืองเก่า แต่หน้าที่ของผมคือสร้างความปรองดอง เพื่อให้การเมืองแข็งแรง และบ้านเมืองไปได้มากกว่าที่จะทำหน้าที่อื่น พยายามให้ทุกคนส่วนใหญ่หลายคนทำงานร่วมกัน การที่ผมเข้าไปกินข้าวเฮฮาด้วย มันก็จะเกิดความสามัคคีกันมากขึ้น เวลามีเรื่องที่เข้าใจผิดกันก็จับมานั่งคุยกันจะได้จบ บ้านเมืองต้องเป็นอย่างนั้น วันนี้ความสามัคคีบ้านเมืองเราสำคัญ เพราะลำพังแค่การแข่งขันจากต่างประเทศก็หนัก”
เมื่อถามว่า วันที่ 14 ส.ค.นี้ มีความเป็นห่วงนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ที่จะมีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นข้อกังวล เพราะว่านายกฯก็ทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และตรงไปตรงมา ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน เชื่อว่าน่าจะชี้แจงได้หมด ซึ่งไม่มีอะไรต้องกังวล
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องวางแผนสำรองหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่ต้องเลย เพราะตนก็เป็นนายกฯไม่ได้ แก่แล้ว หมดอายุ หมดเวลาทำงาน นอกจากคุณสมบัติก็หมดเวลาทำงานแล้ว มีหน้าที่ให้คำแนะนำให้กำลังใจมากกว่า
เมื่อถามว่ารัฐบาลต้องเร่งเครื่องอะไรหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจโดยเฉพาะมีกระแส เพลงคิดถึงลุงตู่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เหรอครับ ใครเปิดไม่รู้ ผมไม่รู้เหมือนกัน ไม่เป็นไรลุงตู่ท่านเป็นองคมนตรี ท่านไม่กลับมาการเมืองแล้ว อย่าไปทำให้ท่านเสีย เพราะท่านไม่ได้อยู่ในการเมืองแล้ว”
เมื่อถามว่า ผลงานของรัฐบาลในปัจจุบันจะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งของประเทศได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า รัฐบาลก็ทำไปเยอะแล้ว หลังจากนี้ก็เริ่มทยอยปิดงาน เมื่อปิดงานผลงานก็จะชัดเจนมากขึ้น เมื่อชัดเจนขึ้นการแก้ไขปัญหาก็จะดีขึ้น น่าจะกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งโดยไม่ยากนัก
เมื่อถามว่า ได้ติดตามการแถลงข่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่าไปพูดถึงเขาเลย สงสาร ส่วนที่มีการท้าดีเบตนั้น ไม่ต้องหรอก ตนสงสาร เขาอายุเยอะแล้วอย่าไปพูดถึงเขาเลย ตนก็อายุเยอะแล้ว เขาก็อายุเยอะกว่า
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าวันนี้หน้าตาสดใส เพราะยิ้มทั้งวัน เป็นความอิ่มใจลูกๆ ก็อยู่หลานก็เต็มบ้าน น้องๆเต็มไปหมด ก็มีความสุขเป็นครั้งแรกในรอบ 17 -18 ปี ก็มีความสุขที่สุดในชีวิต
เมื่อถามว่าได้ของขวัญอะไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ลูกๆเห็นทางเข้าบ้านไม่สวย เขาก็เลยรวมเงินกันไปซื้อเปียโนมาให้ บอกว่าพ่อจะได้ไม่เหงา
ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อวยพรคุณพ่อทุกปีว่าขอให้ปีหน้าได้กลับมาอยู่เมืองไทย ในที่สุดพรก็เป็นจริงสักที ทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ ความเป็นจริงก็เดินทางไปหาคุณพ่อตลอด และคิดว่าวันนี้คุณพ่อน่าจะมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนี้ และมีคนที่รักกันซัพพอร์ตยาวนาน ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจสำคัญที่สุด