บุกพิสูจน์เหว จุดสาวใหญ่ตายในสำนักสงฆ์ - พระฉุนปัดฆ่าท้า ตร. สอบ จะปีนเหวโชว์ (คลิป)

กรณีการเสียชีวิตของ นางสมฤดี นาคมนต์ อายุ 47 ปี ร่างทรงปู่ฤๅษีนาคราช หลังเดินขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังสำนักสงฆ์ถ้ำคลัง ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ แต่พลัดตกลงไปก้นเหวลึกกว่า 40 เมตร จนเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง ขณะที่คนในครอบครัวเคลือบแคลงใจว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมอำพราง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 11 มี.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี สอบถามจาก คุณมณทรา เทพจันทร์ น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนฝันเห็นพี่สาว 3-4 ครั้งแล้ว ในความฝันมั่นใจว่าพี่สาวถูกฆาตกรรม โดยที่พี่สาวเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับพูดว่าช่วยด้วย ยังไม่อยากจะตาย จากนั้นตนก็สะดุ้งตื่นจากความฝัน ทั้งนี้พี่สาวเคยไปที่ถ้ำคลังมาก่อน จึงไม่เชื่อว่าจะตกเหวตาย

ทั้งนี้ทีมข่าวได้เดินทางมาพบกับ นายจัตุพงศ์ เอกศิริเรืองชัย หรือ เฮียไล้ ผู้ที่ไปรับนางสมฤดี หลังจากที่เดินทางมาถึงกระบี่ และไปส่งที่ถ้ำคลัง เฮียไล้ เปิดเผยว่า ตนไปรับนางสมฤดี ในวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ประมาณ 08.00 ที่ บขส.อ่าวลึก เพราะรู้จักกันผ่านกลุ่มไลน์ของอาม่า ซึ่งอาม่าเป็นผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาการทรงเจ้าอยู่แล้ว จึงมีกลุ่มไลน์เอาไว้พูดคุยกัน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับนางสมฤดี เป็นการส่วนตัว เคยเห็นหน้าตาผ่านรูปจากกลุ่มไลน์เท่านั้น และเป็นการพบเจอกันครั้งแรก ส่วนพระชัตชวาลย์กับนางสมฤดี ทั้งคู่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้ที่ จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวได้ย้อนรอยจุดเกิดเหตุที่สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำคลังอีกครั้ง จึงได้พบกับนายพูลศักดิ์ ขันใส อายุ 49 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ที่บุกเบิกถ้ำคลัง และเคยเข้าสำรวจถ้ำคลังตั้งแต่ปี 2537

จุดที่นายพูลศักดิ์พาทีมข่าวขึ้นไปนี้ เป็นจุดที่จะปีนขึ้นไปได้ง่ายที่สุด โดยเริ่มนับเวลาตั้งแต่เริ่มขึ้นไป ประมาณ 13.24 น. จนกระทั่งเวลา 14.04 น. ทีมข่าวได้เดินทางขึ้นไปถึงปากเหว ใช้เวลา 40 นาที ซึ่งลักษณะของเหวนั้นเป็นเหวลึกดิ่งลงไปมากกว่า 40 เมตร ซึ่งจากการสังเกตค่อนนข้างอันตรายมาก เพราะหากตกลงไปอาจทำให้กระดูกหัก และเสียชีวิตได้ทีนที ทั้งนี้นายพูลศักดิ์ ยืนยันว่าการที่จะปีนเขาขึ้นไปแนวตรงเป็นเรื่องที่ยากมาก

ทีมข่าวยังสังเกตเห็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ห้อยลงไปยังก้นเหวลึก ซึ่งเถาวัลย์ดังกล่าวเป็นเถาวัลย์ตามที่พระชัตชวาลย์อ้างว่า ใช้ไต่ลงไปก้นเหวเพื่อไปช่วยเหลือนางสมฤดี แต่การปีนลงไปแบบตัวเปล่าอาจจะลำบากมาก ทำให้พลัดตกลงมาจากเถาวัลย์ได้ เพราะลักษณะเถาวัลย์เล็กลงเรื่อย ๆ ตามความสูงของเหว ไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าโคนเถาวัลย์ที่อยู่ปากเหวอีกทั้งแม้ว่าจะปีนลงไปได้แต่ก็ไม่สามารถปีนขึ้นไปทางเดิมได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับพระชัตชวาลย์ กันตะสีโล หรือ พระจ่อย อายุ 45 ปี ซึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า ตนรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับข่าวที่ออกไปตอนนี้รู้สึกจิตตกมาก จากที่ตนตั้งใจจะมาปฏิบัติธรรมอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องฟุ้งซ่านเพราะเหตุดังกล่าว และทราบดีว่าหลายคนตั้งข้อสังเกตไม่ดีกับตน ต่อจากนี้จะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ตนขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายแน่นอน

พระชัตชวาลย์ ยังย้ำคำเดิมว่า เหวดังกล่าวที่ลึกมากกว่า 30 เมตร ตนสามารถลงไปได้จริง ด้วยวิธีที่ลงไปนั้นใช้วิธีการปืนลงไปตามเถาวัลย์ขนาดใหญ่ หวังจะช่วยปฐมพยาบาลก่อน อีกทั้งการที่ตนเองนำกระเป๋าไปรองที่ศีรษะนางสมฤดี เพราะขณะนั้นยังมีลมหายใจ และประเด็นที่คนสงสัยว่าทำไมกู้ภัยไม่เห็นกระเป๋าที่รองหัว ตนตั้งข้อสังเกตว่าก่อนที่นางสมฤดี จะสิ้นใจ จะไม่มีการดิ้นเลยหรืออย่างไร

พระชัตชวาลย์ เริ่มโมโหและยืนยันว่า หน้าผาปีนขึ้นลงได้แน่นอน เพราะเถาวัลย์ใหญ่มาก หากไม่เชื่อก็อยากจะไปปีนลงให้ดูใหม่ แต่ตอนนี้คงไม่ไปแล้ว เพราะว่าข่าวเริ่มลุกลามไปใหญ่โต จนไม่มีสมาธิในการปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ตนเป็นพระจะไปมีเรื่องไม่งามกับสีกาได้อย่างไร เคยเจอกันครั้งเดียวแค่ที่จ.ชัยภูมิ และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานางสมฤดี โทรศัพท์มาหาและบอกตนว่า กำหนดจิตแล้วเห็นภาพของถ้ำคลัง จึงเดินทางมาที่นี่ ซึ่งเรื่องราวก็มีเพียงเท่านี้

ขณะที่ พ.ต.อ.สัญญา ทองสวัสดิ์ ผกก.สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ โดยมุ่งไป 3 ประเด็น คือ 1.เกิดอุบัติเหตุพลัดตกเอง 2.พระเป็นคนกระทำเนื่องจากอยู่ด้วยเป็นคนสุดท้าย 3.มีผู้จ้างวานพระให้กระทำ แต่อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เนื่องจากได้ส่งเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตไปตรวจหาสาร DNA ว่าจะมี DNA ของผู้อื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ และได้ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือของพระชัตชวาลย์ นางสมฤดี และแม่ชีละแวง ว่าได้ติดต่อกับใครในวันเกิดเหตุบ้างหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลตรวจประมาณ 1 เดือน ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนยังคงทำงานกันอยู่ ข้อมูลบางอย่างอาจยังเปิดเผยไม่ได้