เปิดปมปะทะ ลูกค้าติงทุเรียนบูด แม่ค้าเดือดไลฟ์ฉะ เรื่องบานปลายกลายเป็นเรียกทัวร์มาลง-จ่อฟ้องเพราะร้านเสียหาย

29 ส.ค. 67

เปิดปมปะทะ ลูกค้าติงทุเรียนมีกลิ่นเปรี้ยวบูด แม่ค้าเดือดไลฟ์ฉะ เรื่องบานปลายกลายเป็นเรียกทัวร์มาลง ล่าสุด จ่อฟ้อง เพราะร้านเสียหาย

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ รายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่มอาหารสุรินทร์ โดยเนื้อหามีอยู่ว่า

"#ขอสะท้อนกลับไปยังร้านขายทุเรียนร้านหนึ่ง เมื่อวานแวะซื้อทุเรียนมาแพ็กละ 150 บาท ภายนอกก็ดูดีแหละ ก็ดูสวยแหละ แต่แกะออกมามันบูด เหม็นเปรี้ยวบูดเน่าเลย ก็ได้ทำการทักแชตไปหา เขาก็ไม่อ่าน คอมเมนต์ไปในโพสต์ ก็ไม่ตอบ ไม่รู้ว่าไม่เห็นคอมเมนต์หรือตั้งใจไม่ตอบนะคะ

ล่าสุด หาโพสต์นั้นไม่เจอละ เราก็ไม่ได้อยากโพสต์ให้ร้านเสียหายหรอก แต่คุณเล่นไม่ตอบ ไม่หือไม่อืออะไรเลย เราซื้อเราก็อยากได้กินของอ่ะเนาะ แต่นี่มันบูดมันเน่า มันกินไม่ได้ ถึงมันจะราคาแค่ 150 บาทแต่มันก็เงินเนาะ ฝากไว้...ให้คิดและรับผิดชอบค่ะ ขอบคุณค่ะ"

หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างเล่าประสบการณ์ในการมาซื้อทุเรียนร้านดังกล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า โดนเหมือนกัน ทั้งแข็ง ทั้งเน่า กินไม่ได้

ไม่นานหลังจากนั้น ทางด้านเจ้าของร้านก็ได้ทำการไลฟ์สดอย่างดุเดือดลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่ทนกระแสรถทัวร์ของชาวสุรินทร์ไม่ไหวจนต้องลบโพสต์ และปิดเฟซบุ๊กหนี แต่ไม่วายโดนชาวเน็ตมือไวก็อปคลิปเอาไว้ทัน โดยเนื้อหาบางช่วงบางตอนระบุว่า

ถ้ามีเงินก็ซื้อของดีๆ กิน ไม่มีปัญญาก็ตุยไป ทุเรียนกิโลละแค่ 590 - 1,500 ซื้อกินเลย อย่ามารอซื้อราคาแพ็กละ 49 - 150 บาท ที่หวังว่าจะได้แพ็คใหญ่ๆ 5 ขีด 6 ขีด 7 ขีด หรือ ราคาที่ถูกมากๆ แต่ได้แพ็กใหญ่ๆ มีปัญญาแค่นี้เหรอ แต่พอซื้อถูกๆ ไปก็มาบ่นว่าแ_กไม่ได้ เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากความโลภมากทั้งนั้น ถ้ามีปัญญาก็แ_กของแพง ถ้าไม่มีปัญญาก็แ_กของถูก แต่พอแ_กแล้วก็อย่ามาโวยวายว่าได้ของไม่ดี ถ้าไม่พอใจก็มาคุยกันตัวต่อตัวที่ร้าน พร้อมท้าตบท้าตี

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านขายทุเรียนดังกล่าวที่ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ และได้พบกับเจ้าของร้านคือ นางสาวเอ นามสมมุติ อายุ 36 ปี และได้เปิดเผยข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า ประเด็นมันเกิดมาจากทุเรียนที่ตนจัดโปรโมชั่นในราคา 2 แพ็ก 200 บาท แต่ถ้าซื้อในราคา 1 แพ็ก จะอยู่ที่ราคา 150 บาท ซึ่งเป็นทุเรียนที่มีสภาพแย่แล้ว เป็นทุเรียนที่เกรดต่ำ และตนก็ได้แจ้งลูกค้าทุกคนให้รู้แล้วด้วย รวมถึงมีป้ายบอก

ส่วนทุเรียนที่มีคุณภาพ และมีราคาที่สูงขึ้น ตนก็จะแยกไว้คนละตู้อย่างชัดเจน ที่ร้านมีทุเรียนหลายเกรดหลายราคา ซึ่งเกรดต่ำสุดก็จะเป็นทุเรียนที่ลูกค้าซื้อไปแปรรูป รวมถึงที่ร้านของตนก็ได้ติดป้ายไว้ชัดเจนว่าไม่รับเปลี่ยนคืนสินค้าทุกกรณี

นางสาวเอนามสมุติ ยังเล่าต่ออีกว่า สาเหตุที่ตนได้ไลฟ์สดลงในเฟซบุ๊กนั้น เพราะตนอยากให้คนสุรินทร์ได้รู้ได้อ่านว่า คนสุรินทร์ที่อยากได้ของถูก และดี มันไม่มีอยู่จริง ตนไม่ได้ดูถูกว่าคนสุรินทร์เหล่านั้นจน หรือว่าไม่มีเงิน ตนไม่มีเจตนาที่จะต่อว่าคนสุรินทร์ในลักษณะนั้น แค่มีเจตนาให้คนสุรินทร์ช่วยกันคิดเยอะๆ เวลาไปซื้อของ ไม่ใช่จะพุ่งตรงเข้าไปหาแต่ของถูกอย่างเดียว อยากให้คิดว่าของถูก และดีมันมีจริงไหม และหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ตนก็ยังไม่ได้พูดคุยกับลูกค้าที่โพสต์เลย

ตอนนี้ตนก็เตรียมที่จะปรึกษาทนายความ เพราะว่าร้านได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง ตนขายอยู่ที่นี่มาหลายปี ไม่เคยเจอลูกค้าแบบนี้มาก่อนเลย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยังผู้โพสต์ ที่โพสต์เรื่องราวลงในกลุ่มอาหารสุรินทร์ แต่ผู้โพสต์ไม่กล้าที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเจ้าของร้านได้ไลฟ์สดพูดถึงการท้าตบท้าตี รวมถึงมีชาวเน็ตไปขุดพบคลิปวีรกรรมของเจ้าของร้าน และแฟนหนุ่ม ที่ไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่ในร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในตังเมืองสุรินทร์ จนเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมาเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2565 มีเพียงข้อความในแชตสนทนาที่ผู้โพสต์ต้นเรื่องได้ส่งให้ผู้สื่อข่าว

ระบุว่า “เมื่อวานช่วงบ่ายๆ ไปธุระแถวนั้นก็เลยแวะซื้อ  ตอนเข้าไปก็เห็นหลากหลายราคา คนขายก็แจ้งว่าตรงนี้แพ็กละ 150 บาท 2 แพ็ก 200 บาท  ก็เลือกมา 1 แพ็ก (เพราะกินคนเดียว) ก็มองดูแล้วก็ว่ามันโอเคแหละ เนื้อทรงดูสวยดี แช่ตู้เย็นด้วยคงไม่เสียหายอะไร ก็ซื้อมา ถึงบ้านก็แช่ตู้เย็นไว้

ทำโน่นนี่นั่นไป จนประมาน 5 โมงเย็นได้ เอาออกมาแกะพลาสติกออก กลิ่นบูดก็ลอยมาพร้อมเลยหยิบจับขึ้นดู ข้างล่างก็มีน้ำเยิ้มๆ แฉะๆ เละๆ ว่าจะเอาไปเปลี่ยนที่ร้านก็ไกล ขี้เกียจ ก็เก็บทุเรียนทิ้งไป ก็นั่งไถเฟซบุ๊กเล่นไปเรื่อย  แล้วก็ไปเห็นโพสต์ของร้านนั้นเขาโพสต์ลดราคาทุเรียน ก็เลยทักไปในแชตว่าทุเรียนมันบูดนะ มันกินไม่ได้ เขาก็ไม่อ่าน เลยเข้าไปคอมเมนต์ในโพสต์นั้นว่าทักแชตนะคะ ก็เงียบอีก ผ่านไป 1 คืนก็เงียบ 

เมื่อเช้าก็เลยเข้าไปดูโพสต์นั้นว่าเขาตอบอะไรมั้ย ก็เงียบอีก ก็เลื่อนดูในคอมเม้น มีคนๆ นึงคอมเมนต์ว่ารับประกันเนื้ออะไรสักอย่างนี่แหละ ก็เลยเข้าไปตอบกลับในคอมเมนต์นั้น ว่าทุเรียนมันบูดนะคะ มันกินไม่ได แล้วโพสต์นั้นก็หายไป ก็เลยได้มาโพสต์ในกลุ่มอาหารสุรินทร์ เพื่ออยากให้เขารับผิดชอบหรืออย่างน้อยก็ขอโทษกันไป ถ้ามันจืดหรือไม่อร่อยก็พอรับได้แหละ ก็เราเลือกเอง แต่นี่มันบูด มันกินไม่ได้ ก็เลยเป็นที่มาของโพสต์ที่เราได้โพสต์ไปวันนี้ และก็มีคนมาคอมเม้นกันว่าโดนเหมือนกัน แค่นี้นะคะ อย่าไปตีไข่ใส่เพิ่มน๊าาา แค่นี้ก็ดราม่าสนั่นเมืองแล้ว ขอบคุณค่ะ”

แต่ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวก็ได้สัมภาษณ์ นางสาวกาแฟ วัย 27 ปี หนึ่งในลูกค้าที่เคยไปซื้อทุเรียนร้านดังกล่าว และเจอประสบการณ์ทุเรียนเน่าหมือนกัน โดยนาวสาวกาแฟ ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ไปซื้อทุเรียนร้านนี้กับเพื่อนเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.67 ที่ผ่านมา

ตอนนั้นที่ร้านจัดโปรโมชั่น 3 แพ็ก 600 บาท ตนจึงได้หารกันกับเพื่อนคนละ 300 บาท ตนที่ตนเห็นทุเรียนที่โชว์อยู่ในตู้ก็ปกติดี จับดูภายนอกก็ไม่มีอะไร จนกลับมาถึงบ้านเพื่อนก็ได้ทักมาบอกว่าทุเรียนทานไม่ได้เลย เนื้อทุเรียนแข็งทั้งพู ไม่มีจุดไหนทานได้เลย ส่วนทุเรียนในแพ็กที่ตนซื้อมาก็เละบูดจนแฉะ ซึ่งก่อนที่จะซื้อตนก็ไม่ได้เอะใจเรื่องราคา เพราะคิดว่ามันก็ใกล้เคียงกับราคาร้านอื่นทั่วไป

จากนั้นเพื่อนของตนก็ได้ติดต่อไปแจ้งที่ร้าน ทางร้านก็บอกกลับมาว่า ทุเรียนที่พวกตนซื้อไปเป็นราคาที่ Sale แล้ว ไม่สามารถเคลมได้ หลังจากประสบการณ์ในวันนั้น ตนกับเพื่อนก็ไม่ไปอุดหนุนที่ร้านดังกล่าวอีกเลย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ