ร้องปธ.กองทุนเงินแสบ เชิดเงินชาวบ้านกว่า 3 ล้าน เงินเด็ก-พระ-ชีก็ไม่เว้น

9 ก.ย. 67

 

ร้องประธานกองทุนเงินแสบ เชิดเงินชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน สูญกว่า 3 ล้านล่องหน วอนรีบนำมาคืน ซัดเงินเด็ก-พระ-ชีก็ไม่เว้น เดินหน้าเอาเรื่องถึงที่สุด 

วันที่ 9 ก.ย. 67 นายอนุพันธ์ สารสุวรรณ์ กำนันตำบลระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี พร้อมด้วยชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน มีหมู่ที่ 18 บ้านเขาไม้นวน หมู่ 3 บ้านโปร่งสามสิบ และหมู่ที่ 15 บ้านคีรีวงศ์ ที่ได้นำมาฝากเงินไว้กองทุนสถาบันการเงินชุมชนบ้านคีรีวงศ์ ที่ตั้งทำการหมู่ 15 บ้านคีรีวงศ์ ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ประธานกองทุนเชิดเงินหนีกว่า 3 ล้านบาท หายออกจากบัญชี 

ทำให้ชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านเดือดร้อน พร้อมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านคีรีวงศ์ที่ผู้ปกครองนำเงินมาฝากเป็นเงินทุนการศึกษาในอนาคตแก่บุตรและหลาน และแม่ชีที่ฝากเงินไว้ เพื่อเตรียมเงินรักษาตัวเอง และจัดงานศพตนเองดังกล่าวได้ 

โดยมีนายเชิด ศาสตราวุฒิ อดีตรองประธาน และคณะกรรมการกองทุนสถาบันการเงินชุมชนบ้านคีรีวงศ์ กล่าวว่า มีเงินกองทุนที่ชาวบ้านนำมาฝากจำนวน 9 แสนกว่าบาท เงินออมทรัพย์ 3 แสนกว่าบาท กองทุนเงินล้านและอื่นๆ รวมเป็นเงินหลายล้านบาท 

ปัญหาการเงินของกองทุนนั้น สาเหตุมาจากเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานั้น นายถนอม ได้เข้ามาเป็นประธานการเงินชุมชนบ้านคีรีวงศ์ หลังจากนั้นพอระยะหลัง ประธานฯไม่เคยเรียกคณะกรรมการจำนวน 15 คนมาเข้าประชุม ทำให้คณะกรรมการทั้งหมดไม่รู้รายละเอียดการเงินในกองทุนเลย เพราะประธานเป็นคนบริหารเงินกองทุนเองทั้งหมด 2 คนพร้อมกับน้องสาวของเขา 

หลังจากนั้นเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาทางกองทุนได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่หมด พร้อมมีการเลือกตั้งคณะกรรมการ หลังจากนั้นก็ได้มาตรวจสอบเอกสารการเงินกันใหม่ จึงมารู้ว่าสถาบันการเงินไม่มีเงินให้กับพี่น้องประชาชนที่ฝากไว้ให้เบิกถอนออกมา โดยสูญหายออกจากบัญชีกว่า 3 ล้านบาท 

โดยเฉพาะเงินของเด็กนักเรียนของโรงเรียนบ้านคีรีวงศ์ ที่ผู้ปกครองเด็กนำเงินมาฝากออมทรัพย์ไว้รวม 5 แสนบาท ก็ถูกเบิกออกไปหมด และเงินชาวบ้านที่ฝากไว้จำนวน 3 ล้าน 9 แสน 4 หมื่นกว่าบาท ก็ถูกเบิกออกไปหมด โดยตนเองได้สอบนายถนอม ซึ่งเป็นประธานกองทุนมาได้ 3 ปี ก็พูดได้คำเดียวสภาพเงินไม่คล่อง ตนเองและกรรมการก็ไม่ทราบว่าไม่คล่องยังไง เพราะพูดอย่างเดียวใช้เงินผิดประเภท ซึ่งตอนนี้ทางนายถนอมก็เซ็นรับสภาพหนี้จำนวนดังกล่าวแล้ว 

ปัจจุบันทางกองทุนสถาบันการเงินชุมชนบ้านคีรีวงศ์ได้ปิดมา 3 เดือนแล้ว ซึ่งตอนนี้สมาชิกทั้ง 3 หมู่บ้านก็ได้ไปแจ้งความที่ สภ.ลานสัก แต่คดีนั้นยังไม่คืบหน้าอะไรมาก หลังจากนั้นชาวบ้านได้นำสมุดเงินฝากมาให้ผู้สื่อข่าวดู 

ด้านพระสมพงษ์ ดำดวน ซึ่งพระลูกวัดคีรีวงศ์ เปิดเผยว่า ได้ฝากเงินให้เป็นเงินทุนให้กับหลานสาว 88,500 กว่าบาท หลานชาย 36,000 กว่าบาท ฝากเข้าไว้เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้เด็กทั้ง 2 คน เมื่อจบ ม.3 จะได้เป็นทุนการศึกษาต่อไป ถ้าไม่ได้เงินคืนเหมือนกับตัดอนาคตเด็กทั้งโรงเรียนคีรีวงศ์ที่นำเงินมาฝากไว้รวม 5 แสนกว่าบาทกับกองทุน โดยประธานกองทุนไม่น่าจะมาทำแบนนี้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้หาทุนหรือเงินตรงใดก็ได้ที่จะมาเป็นทุนให้แก่เด็กนักเรียนคืนบัญชี 

ด้านแม่ชีสายทอง ภามา กล่าวว่า เงินของแม่ชีทั้งหมดเงินทั้งหมดรวม 89,000 บาท เสียจะเพราะพยายามเก็บเล็กๆ น้อยๆ มาฝากเงิน ซึ่งเงินนี้เอาไว้รักษาตัว และทำศพตอนที่เราตายไปแล้ว จะได้เอามาทำศพเราไง เพราะว่าไม่มีญาติ ลูกหลานไม่มี 

นางอัมพร หะรุ่ง กล่าวว่า ตนเองได้ฝากเงินมาตั้งแต่ปี 59 -67 รวมเงินทั้งหมดกว่า 4 แสนบาท ก็มารู้ตอนที่จะมาถอนเงินไปใช้ พอไปขอถอนเงินหลายครั้ง เพื่อนำเงินไปใช้ แต่ทางสถาบันการเงินบอกว่าไม่มีเงินให้ถอนแล้ว ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ซึ่งตอนนี้ไปแจ้งความที่ สภ.ลานสักไว้แล้ว 

ด้านนายอนุพันธ์ สารสุวรรณ์ กำนันต.ระบำ กล่าวว่า กรรมการชุดเก่า โดยเฉพาะประธานที่ไปเบิกเงินจากธนาคาร มันต้องตรวจสอบได้ จะบอกว่าเงินตรวจสอบไม่ได้ไม่มีทาง เพราะว่าตอนนี้ตนได้สืบทราบในส่วนที่ต้องดำเนินการเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ตอนนี้ตนได้ตามอยู่ เมื่อวานนี้ยังโทรตามผู้กำกับให้ช่วยดำเนินคดีให้ไว้ที่สุด และได้แจ้งให้นายอำเภอลานสักรับทราบแล้ว และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งโต๊ะรับแจ้งความที่หน้ากองทุนสถาบันการเงินชุมชนบ้านคีรีวงศ์ ที่ตั้งทำการหมู่ 15 บ้านคีรีวงศ์ ที่ประชาชนยังไม่ได้แจ้งความอีกหลายหมู่ เพราะให้เป็นคดีต่างกรรมต่างวาระกัน 

ในส่วนตนมว่ามันไม่เหมาะสมที่จะเอาเงินเด็กนักเรียนไป เด็กนักเรียนได้สะสมวันละ 5-10 บาท เป็นต้นทุนการศึกษาและชีวิตของเขาที่เก็บสะสมไว้เพื่ออนาคตของเขา มันพูดไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต้องให้กรรมการชี้แจงรายละเอียดด้วย 

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ประธานกองทุนสถาบันการเงินชุมชนบ้านคีรีวงศ์คนใหม่ว่าช่วงนี้ได้ตรวจสอบเอกสารเก่าทั้งหมดที่ประธานคนเก่าทำไว้ และทราบว่าเงินกองทุนนั้นมีเหลืออยู่บัญชีเดียวจำนวน 6 แสนกว่าบาทเท่านั้น ส่วนบัญชีต่างเหลือเพียงเล็กน้อย 

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อนายถนอม ซึ่งเป็นประธานกองทุนฯ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส