รมช.พาณิชย์ "สุชาติ" ชื่นชมการเจรจา FTA ไทย-ภูฏาน รอบที่ 2 คืบหน้ารวดเร็ว พร้อมมั่นใจว่าการเจรจาจะสามารถบรรลุผลสำเร็จภายในปี 2568 ตามเป้าหมาย เสริมโอกาสการค้าไทย-ภูฏาน และกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันในระยะยาว
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังจากได้ให้การต้อนรับนายโซแนม เชอริง ดอร์จิ หัวหน้าคณะเจรจาของภูฏาน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 ในโอกาสที่นำคณะเจรจาเข้าร่วมการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-ภูฏาน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 17-19 กันยายน ที่กรุงเทพฯ ว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) ให้ดูแลงานของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีของประเทศ นั้น ได้ติดตามและรับทราบถึงความคืบหน้าอย่างรวดเร็วของการเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ภูฏาน รอบที่ 2 ซึ่งครอบคลุมประเด็นการค้าสินค้าเป็นหลัก โดยในการเจรจารอบนี้ ทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปผลการเจรจาร่างความตกลง FTA ได้หลายหัวข้อ เช่น ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า และมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช เป็นต้น ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับภูฏาน โดยภูฏานจะเป็นเจ้าภาพประชุมเจรจารอบต่อไปในช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้
“ผมขอชื่นชมคณะเจรจาทั้งสองฝ่ายที่สามารถขับเคลื่อนการเจรจาได้อย่างรวดเร็ว จึงมั่นใจว่าการเจรจา FTA ไทย-ภูฏาน จะบรรลุผลสำเร็จได้ภายในกลางปีหน้า ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ภายใต้การนำของท่านพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้เร่งรัดการเจรจา FTA รวมทั้งผลักดันการใช้ประโยชน์และเปิดตลาดการค้าใหม่ๆ” นายสุชาติกล่าว
นายสุชาติ เพิ่มเติมว่า ไทยและและภูฏานมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันในทุกระดับ ทั้งนี้ ตนได้แสดงความยินดีที่ภูฏานได้รับการปรับสถานะสู่การเป็นประเทศกำลังพัฒนาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งสะท้อนให้ถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภูฏาน โดยภูฏานเริ่มให้ความสำคัญกับการสร้างความหลากหลายของสินค้าส่งออกและแสวงหาคู่ค้าใหม่ ๆ ทั้งนี้ ไทยถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญลำดับต้นของภูฏาน และสินค้าไทยก็เป็นที่ชื่นชอบของชาวภูฏานเป็นอย่างมาก ซึ่ง FTA ไทย-ภูฏาน ก็จะช่วยให้ชาวภูฏานเข้าถึงสินค้าไทยได้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านการลดอุปสรรคทางการค้าทั้งมาตรการภาษีและที่มิใช่ภาษี และเป็นกลไกส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ ในปี 2566 การค้าระหว่างไทยและภูฏาน มีมูลค่า 640.23 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปภูฏาน มูลค่า 638.03 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากภูฏาน มูลค่า 2.20 ล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือน (ม.ค.–ก.ค. 2567) การค้าสองฝ่าย มีมูลค่า 523.51 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปภูฏาน มูลค่า 522.63 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากภูฏาน มูลค่า 0.87 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผ้าผืน ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป ผลไม้แห้ง และเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้านำเข้าสำคัญของไทย อาทิ ยางสำหรับอากาศยาน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ ศิลปกรรม และถั่งเช่า