สาวร้องสายไหมต้องรอด สามีตำรวจทุบตี ชอบคอลเสียวกับ หญิงอื่น ทั้งๆที่นั่งอยู่ข้างๆ ซ้ำเคยคุกคามลูกสาววัย 14 ปี
วันที่ 19 ก.ย.67 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด รับเรื่องราวร้องทุกข์จากภรรยาตำรวจรายหนึ่ง อ้างว่าถูกสามีที่เป็นตำรวจทำร้ายร่างกาย ทุบตี ซ้อม และทำร้ายจิตใจด้วยการดูไลฟ์ห้อง VIP ที่จะมีผู้หญิงมาเต้นโป๊และสำเร็จความใคร่ต่อหน้าตนเอง ซึ่งตนเองไม่สามารถทำอะไรฝ่ายชายได้
โดยผู้เสียหายหญิงคนนี้ นามสมมติ ว่านางเอ อายุ 40 ปี ส่วนฝ่ายชายเป็นตำรวจชั้นประทวน (ยศสิบตำรวจตรี) อยู่สังกัด บก.อคฝ. บช.น. (ควบคุมฝูงชน นครบาล) อายุประมาณ 31 ปี โดยคุณเอ เล่าว่า ตนคบหากับตำรวจรายนี้ได้ประมาณ 8-9 ปี เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี 2566 มีลูกชายด้วยกัน 1 คนตอนนี้อายุ 2 ขวบ และฝั่งคุณเอก็มีลูกติดที่อยู่ด้วยกันเป็นลูกสาว 2 คน ปัจจุบันอายุ 21 ปีและ 18 ปีตามลำดับ
ซึ่งคุณเอ เล่าจุดเริ่มต้นของการพบเจอกับตำรวจคนนี้ว่า ตอนนั้นฝ่ายชายยังเป็นเด็กวัด แล้วมาตามจีบตนเรื่อยๆ ผ่านทางโซเชียล ซึ่งตอนแรกตนก็ปฏิเสธ แต่ฝ่ายชายก็ตื๊อจนสุดท้ายก็ยอมตกลงปลงใจคบกัน ก่อนที่ประมาณ 5 ปีที่แล้ว ฝ่ายชายสามารถเรียนสอบติดตำรวจนายสิบได้สำเร็จ ตนเองก็เป็นคนช่วยสนับสนุนทั้งการเงิน ของกิน และส่งกำลังใจให้ฝ่ายชายมาโดยตลอด จนเรียนจบและได้รับราชการตำรวจ
แต่อย่างไรก็ตาม เส้นทางชีวิตตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมานั้น ไม่มีความราบรื่นเลย เพราะฝ่ายชายนั้นหลังจากที่ได้คบกันแล้ว ก็จับได้ว่ามีผู้หญิงมาพัวพัน โดยตั้งแต่วันแรกที่คบกันไม่เคยใส่ใจและดูแลตนเองเลย แม้กระทั่งมีลูกเล็กด้วยกัน เขาก็ไม่เคยที่จะเหลียวแล งานการที่บ้านก็ไม่ทำ ล้างขวดนมลูกก็ไม่ทำ กลายเป็นว่าฝ่ายตนเองต้องเป็นคนดูแลหาข้าวหาน้ำและจัดการงานบ้านให้เขามาโดยตลอด รวมทั้งไม่เคยบอกรักหรือแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกันด้วย
นอกจากนี้ ฝ่ายชายยังชอบมีพฤติกรรมดูไลฟ์ตามห้อง VIP ต่าง ๆ ที่จะมีสาวมาแก้ผ้าโชว์เรือนร่าง ไปจนถึงสำเร็จความใคร่ด้วยอุปกรณ์ทางเพศและอุปกรณ์ประหลาดอื่น ๆ เช่น มะระ กระป๋องเบียร์ เป็นต้น ซึ่งทุกครั้งที่ฝ่ายชายดูนั้น จะดูอยู่บนเตียงทั้งๆที่นอนอยู่กับตนเอง และบ่อยครั้งที่ฝ่ายชายมักจะกดส่งของขวัญหรือส่งเงินให้กับหญิงที่ไลฟ์ในห้อง VIP ก่อนที่จะเกิดอารมณ์ทางเพศแล้วมามีเพศสัมพันธ์กับตนอีก ซึ่งตนเองนั้นไม่กล้าห้ามหรือทำอะไรได้ เพราะเข้าใจฝ่ายชายว่า ตัวเองนั้นไม่ได้มี ร่างกายที่เซ็กซี่หรือสวยงามเหมือนแต่ก่อนที่จะดึงดูดได้ ด้วยสภาพร่างกายที่อายุมากขึ้นและป่วย เลยปล่อยให้ฝ่ายชายกระตุ้นอารมณ์ผ่านสื่อลามกออนไลน์ไป
แต่สิ่งที่ตนรับไม่ได้อย่างมาก คือเรื่องการทำร้ายร่างกาย ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ฝ่ายชายมักจะพูดจาทำร้ายจิตใจและตบหน้าบ่อยครั้ง แต่ตนก็จำทนมาโดยตลอด มาหนักที่สุดก็เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ตามที่ปรากฏในคลิปคือ ในวันนั้นฝ่ายชายได้ไปเล่นกับเพื่อนตั้งแต่เย็น แล้วกลับมาที่ห้องตอนประมาณ 5 ทุ่ม ตอนนั้นตนกำลังหยิบมีดไปปอกแอปเปิ้ลให้ลูกกิน
เมื่อฝ่ายชายเข้ามาในบ้าน ตนก็ถามไปว่าทำไมถึงกลับดึก แต่ฝ่ายชายเห็นว่าตนถืออาวุธมีด จึงเข้าใจผิดคิดว่าตนจะทำร้ายร่างกายเขา แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ กลายเป็นว่าฝ่ายชายเกิดอารมณ์โมโหแล้วปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ทั้งตบต่อย ผลักเข้ากำแพง บีบคอและเอาเท้ากระทืบที่ท้องจนตนเองเกือบตาย ต่อหน้าลูกทั้ง 3 คน ลูกสาวก็ทำได้เพียงแค่ถ่ายคลิป ห้ามอะไรก็ไม่ฟัง ส่วนลูกชายวัย 2 ขวบก็ได้แต่ร้อง
นั่นจึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตนตัดสินใจที่จะแยกหนีออกมาจากฝ่ายชายแล้วมาร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด เนื่องจากต้องการที่จะขอความเป็นธรรมกับเรื่องนี้และอยากให้ฝ่ายชายได้รับโทษทางกฎหมาย รวมทั้งถูกไล่ออกจากราชการด้วยพฤติกรรมดังกล่าว เพราะตนเองถูกฝ่ายชายหยามศักดิ์ศรีมามากพอแล้ว และมองว่าฝ่ายชายนั้นควบคุมตนเองไม่ได้ ไม่เหมาะสมที่จะเป็นข้าราชการตำรวจอีกต่อไป
นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ฝ่ายชายนั้นเอาเงินและรถของเธอไปเข้าไฟแนนซ์กับต้องเสียทรัพย์สินเงินทองให้กับฝ่ายชายคนนี้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เธอยังเปิดเผยอีกว่า เธอป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย แต่ก็ถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกายรุนแรงได้ถึงขนาดนี้
คุณเอ ยอมรับว่าที่ผ่านมานั้น เธอยอมทนเพราะด้วยความรักที่เธอมีให้กับฝ่ายชายและเธอก็ไม่อยากที่จะเลิกรากับฝ่ายชาย ก่อนหน้านี้ลูก ๆ ก็พยายามบอกให้ตนเองแยกออกมาจากฝ่ายชาย แต่กลายเป็นว่าตนเองไปต่อว่าลูกอีก เพราะให้เหตุผลกับลูกว่า กลัวลูกจะไม่มีพ่อ แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยเลิกรากันบ่อยครั้งเป็นระยะสั้นๆ แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเธอเองที่ไปง้อขอคืนดี ส่วนฝ่ายชายไม่เคยมาง้อคืนดีกับเธอเลยสักครั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ตนตัดสินใจที่จะแยกออกมาจากฝ่ายชายอย่างถาวร ยอมรับว่าเธอยังรักฝ่ายชายอยู่ แต่จะไม่กลับไปหาฝ่ายชายอีกแล้ว หากฝ่ายชายมาง้อ เธอก็ไม่ให้โอกาสคืนดีกันอีก
นอกจากนี้ คุณเอ ยังได้เปิดเผยเรื่องที่สร้างความตกใจให้กับผู้สื่อข่าวอย่างมาก นั่นก็คือ ฝ่ายชายนั้นเคยล่วงละเมิดทางเพศทั้งการกระทำและด้วยวาจากับลูกสาวทั้งสองคนที่เป็นลูกติดของเธอ โดยเธอเล่าว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตอนที่ลูกสาวคนเล็กอายุ 14 ปี เธอถูกฝ่ายชายใช้มือล้วงอวัยวะเพศ เมื่อเธอทราบเรื่องก็ได้ ร้องขอกับลูกว่า อย่าไปแจ้งความหรือประจานเรื่องดังกล่าว เพราะตนเองยอมรับว่า ตอนนั้นเห็นแก่ฝ่ายชายที่กำลังมีอนาคตไปได้ดีในสายราชการตำรวจ แต่รับปากกับลูกว่า เธอจะไปเคลียร์กับฝ่ายชายด้วยตนเอง ซึ่งเธอก็ได้พูดคุยกับฝ่ายชายและตำหนิว่าห้ามทำแบบนี้อีก แต่ฝ่ายชายก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
อย่างไรก็ตามฝ่ายชายก็ไม่ได้มาแต่ทำล่วงเกินใด ๆ กับลูกสาวคนนี้อีก ส่วนลูกสาวคนโตวัย 21 ปีนั้น เธอเคยถูกฝ่ายชายขอที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วย แต่ลูกสาวคนโตนั้นได้ปฏิเสธพร้อมกับพูดต่อว่าไล่ไป เพราะมองเป็นผู้ปกครองคนหนึ่ง ซึ่งฝ่ายชายก็ไม่ได้ทำอะไรเธออีก
ด้านนายเอกภพ ระบุว่า พฤติกรรมของตำรวจรายนี้นั้น ค่อนข้างโหดร้ายและรุนแรงอย่างมาก รวมทั้งยังกระทำกับเด็กที่เป็นลูกเลี้ยงของตนเองอีกด้วย โดยหลังจากนี้ ตนจะประสานไปยัง ผบก.อคฝ. เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของตำรวจรายนี้และขอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงตำรวจรายนี้ รวมทั้งจะนำนางสาวเอและลูกสาวทั้งสองคนไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจรายนี้ในเรื่องทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศต่อไป อีกทั้งจะประสานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้เข้ามาดูแล ครอบครัวของนางสาวเอกับลูกสาวทั้งสองคนอีกด้วย.