หนุ่มปลดทหาร แค้นเมียนอกใจฟันนิ้วขาด นึกถึงหน้าลูก สำนึกร้องให้คนช่วย พลเมืองดีเก็บนิ้วแช่ (คลิป)

กรณีนายวิศิษฐ์ คำเพราะ อายุ 24 ปี ใช้มีดยาวดักฟัน น.ส.สาธิณี อายุ 20 ปี ผู้เป็นภรรยา ขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน จนได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ 2 แผล ข้อมือขวา 1 แผล และนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วก้อยของมือซ้ายขาด ส่วนนิ้วนางก็ถูกฟันแต่ยังไม่ขาด ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 มี.ค.63 เวลา 21.00 น. 

โดยสาเหตุเกิดจากนายวิศิษฐ์ตามง้อ น.ส.สาธิณี แต่ฝ่ายหญิงกลับไม่ยอมคืนดี จึงยืนดักหวังจะทำร้ายที่บริเวณปากซอยเพชรเกษม 33/2 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งหลังเกิดเหตุนายวิศิษฐ์ ได้รอมอบตัวกับตำรวจ สน.ภาษีเจริญ และถูกแจ้งข้อกล่าวหา "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส" และมีกำหนดฝากขังในวันที่ 17 มี.ค.63 ขณะที่น.ส.สาธิณี ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และอยู่ระหว่างการผ่าตัดศัลยกรรมบาดแผล ซึ่งยังไม่มีผลการตรวจว่า จะสามารถต่อนิ้วกลับตามเดิมได้หรือไม่

ล่าสุดวันที่ 17 มี.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณปากซอยเพชรเกษม 33/2 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบว่ายังคงมีคราบเลือดแห้งติดบริเวณพื้น และมีรอยเลือดที่เสาไฟฟ้า

 

นายศักดิ์ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะที่ตนกับเพื่อน ๆ นั่งทานข้าวอยู่ที่ร้านอาหารริมทาง สังเกตเห็น น.ส.สาธิณี กับเพื่อนผู้หญิงอีกคนเดินผ่านไปไม่นานนัก เพื่อนของ น.ส.สาธิณี ได้วิ่งย้อนกลับมาขอความช่วยเหลือ พวกตนจึงวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุ แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ได้แต่มองอยู่ไกล ๆ และได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุพูดขณะกำลังฟันผู้หญิงว่า "__ตายไหม __จะเอา__ให้ตาย" แต่เมื่อฟันเสร็จเรียบร้อย ฝ่ายชายคล้ายกลับสำนึกผิด จึงได้ทิ้งมีดยาวและนั่งลงเข้าไปกอดและคุกเข่าก้มกราบฝ่ายผู้หญิง พร้อมกับพูดว่าขอโทษ ตนจึงอาศัยจังหวะนั้นวิ่งเข้าไปหยิบมีดนำไปซ้อนและรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที ขณะเดียวกันชายผู้ก่อเหตุ ก็ได้ยืนรอมอบตัวกับตำรวจแต่โดยดี

นายศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนสังเกตว่าขณะที่ฝ่ายชายใช้มีดยาวฟันฝ่ายหญิงก็นำมือขึ้นมาปัดป้อง ทำให้ถูกฟันเข้าที่ข้อมือขวา และนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วก้อยของมือซ้ายขาด ส่วนนิ้วนางก็ถูกฟันแต่ยังไม่ขาดออกจากมือ ซึ่งนิ้วก้อยยังหาไม่เจอ และมีแผลที่ศีรษะ 2 แผล เพราะฝ่ายชายได้ใช้มีดทาบที่คอและง้างจะฟันคอหมายเอาชีวิต แต่ฝ่ายหญิงก้มลงทำให้ถูกมีดฟันเข้าที่บริเวณศีรษะแทน

อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์ เผยอีกว่า ตนได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อนของฝ่ายหญิงว่าฝ่ายชาย เพิ่งปลดประจำการทหาร แต่ถูกฝ่ายหญิงขอเลิกรา ฝ่ายชายจึงตามมาของ้อคืนดี แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม จึงเกิดเป็นเหตุสลดดังกล่าวขึ้น และตนคิดว่าฝ่ายชายน่าจะเตรียมมีดมาดักรอทำร้ายฝ่ายหญิง เพราะเจ้าตัวรู้เวลาเลิกงานของฝ่ายหญิง ขณะนั้นตนยอมรับว่ารู้สึกตกใจมาก และอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้หญิงที่ต้องเดินทางไปในที่มืด

ขณะที่นายอ๊อด (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ผู้ที่ช่วยเก็บนิ้วของคนเจ็บแช่น้ำแข็ง เปิดเผยว่า ช่วงที่ตนวิ่งไปถึงที่เกิดเหตุนั้น เป็นช่วงที่ฝ่ายหญิงถูกฟันลงไปนอนกองกับพื้น และเห็นผู้ก่อเหตุวางมีดพร้อมกับก้มกราบฝ่ายหญิง จากนั้นมีพลเมืองดีรีบนำมีดไปซ่อนหลังต้นไม้ ผู้ก่อเหตุจึงหันมาพูดกับตนว่า "พี่เอามีดทิ้งไปเลย ช่วยเมียผมด้วย" ซึ่งเขาขอให้ตนช่วยเมียเขาทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนที่ทำร้ายเมียตัวเอง แต่เมื่อตนได้ยินดังนั้น ชาวบ้านทุก ๆ คนก็รีบวิ่งไปที่ร่างของฝ่ายหญิง แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าแตะต้องตัว เพราะกลัวจะไปถูกแผลของคนเจ็บ เพราะเลือดไหลออกมาจำนวนมาก กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ

นายอ๊อด กล่าวต่อว่า ช่วงที่รอกู้ภัยมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายนั่งอยู่ข้างฝ่ายหญิงตลอดเวลา พร้อมกับถอดเสื้อนำไปชุบเลือดบริเวณปากแผลที่ศีรษะของฝ่ายหญิง และพูดว่า "_ขอโทษ _ไม่คิดว่า_จะทำเยอะขนาดนี้"

นายอ๊อด ยังบอกอีกว่า ในช่วงเกิดเหตุ ตนได้ช่วยเก็บนิ้วชี้และนิ้วกลางของคนเจ็บใส่ถุงน้ำแข็งเอาไว้ และหวังว่าจะสามารถต่อนิ้วให้คนเจ็บได้ ซึ่งนิ้วขาดออกจากมือไป 3 นิ้ว แต่ตนหาเจอแค่ 2 นิ้ว และหานิ้วก้อยไม่เจอ ซึ่งชาวบ้านและญาติ ๆ ของฝ่ายหญิงได้ช่วยกันหา แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เจอ และไม่รู้ว่านิ้วกระเด็นไปไหน

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผู้ก่อเหตุยืนซุ่มรอฝ่ายหญิงนั้น ไม่มีใครเห็น เพิ่งจะมารู้เรื่องหลังเกิดเหตุแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวกระทบความรู้สึกของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะภาพติดตาจนนอนไม่หลับ

ทีมข่าวเดินทางไปที่ สน.ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบกับ นางยุ้ย (นามสมมติ) อายุ 46 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้มาเยี่ยมนายวิศิษฐ์ ซึ่งถูกคุมขังและลูกได้เล่าถึงเหตุจูงใจที่ลงมือก่อ โดยนายวิศิษฐ์ อ้างว่า ฝ่ายหญิงแอบคบหากับผู้ชายคนใหม่ และเพิ่งจะมาทราบเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ จากนั้นฝ่ายหญิงหนีและบล็อกเฟซบุ๊ก จึงรู้สึกว่าถูกฝ่ายหญิงหยามมากเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่คบหากันมาถึง 5 ปี และมีลูกชาย 1 คน อายุ 3 ขวบ ทำให้เกิดอาการหึงหวง ประกอบกับเมาสุราจึงไปยืนดักรอหวังจะทำร้าย

นางยุ้ย กล่าวอีกว่า วันนี้ตนได้พูดปลอบลูกว่าถ้าผู้หญิงไม่รักก็ให้ปล่อยเขาไป ล่าสุดลูกชายได้สำนึกผิดแล้ว เพราะขณะเกิดเหตุนั้น ลูกชายได้หยุดฟันฝ่ายหญิง เนื่องจากนึกถึงหน้าลูกชายวัย 3 ขวบ และได้ถอดเสื้อตัวนำไปชุบเลือดที่แผลให้ฝ่ายหญิง ซึ่งวันนี้ลูกชายถามไถ่อาการของฝ่ายหญิงตลอดเวลา เพราะลูกชายก็อยากขอโทษ ส่วนอาการของลูกสะใภ้นั้น ตนไปเยี่ยมก็พบว่ายังอยู่ในห้องไอซียู และนิ้วก็ยังต่อกลับไม่ได้

อย่างไรก็ตาม นางยุ้ย ระบุอีกว่า ลุงของนายวิศิษฐ์นั้นรู้มานานแล้วว่าฝ่ายหญิงแอบคบหากับผู้ชายคนใหม่ แต่ก็ไม่เคยบอกหลาน เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องครอบครัวหลาน เนื่องจากทั้งคู่มีลูกชายวัย 3 ขวบด้วยกันแล้ว ตนยังไม่คิดว่าจะดำเนินการอย่างไร และยังไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวฝ่ายหญิง เพราะเขาไม่ยอมพูดคุยด้วย