เช้านี้โอนเงินหมื่นสำเร็จกว่า 3.1 ล้านราย พบผู้พิการกว่า 9 หมื่นคน ยังโอนไม่ผ่าน

25 ก.ย. 67

 

เช้านี้โอนเงินหมื่นสำเร็จกว่า 3.1 ล้านราย พบผู้พิการกว่า 9 หมื่นคน ยังโอนไม่ผ่าน วอนเร่งแก้ไขก่อน 22 ธ.ค. เข้มมาเฟีย-เจ้าหนี้นอกระบบยึดเงินหมื่น 

วันที่ 25 ก.ย. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการแถลงข่าวเปิดตัว (Kick Off) การโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงข่าวเพิ่มเติม 

โดยนายพิชัย กล่าวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็นของประเทศในระยะนี้ เพราะประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาอย่างยาวนาน แม้แต่จะเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังตกต่ำกว่า ทั้งจากสถานการณ์ภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างรายได้ จนทำให้เม็ดเงินหายโดยเฉพาะคนกลุ่มล่าง กลุ่มใช้แรงงานและกลุ่มที่ไม่มีโอกาสในการเข้าถึง รัฐจึงเห็นความจำเป็นว่านอกจากจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตแข่งขันกับโลกได้ ยังต้องเร่งเยียวยาและดูแลประชาชน โดยแยกตามกลุ่ม เพื่อดูว่าจะดูแลอย่างไร โดยการกระตุ้นเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย ดังนั้นเม็ดเงินจำนวนนี้เป็นการ เติมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนรอคอย ก็หนีมานาน ซึ่งเม็ดเงินจำนวน 145,000 ล้านบาทใหญ่มากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 

ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดเงินทั้งหมดที่จะโอนให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการในวันนี้ (25 ก.ย. 67) จำนวน 3,167,565 ราย เริ่มโอนตอนเที่ยงคืนสำเร็จทั้งหมดเวลา 07.00 น. และวันนี้นอกจากการโอนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังมีการโอนเงินเดือนข้าราชการด้วย ทำให้ระบบอาจจะช้านิดหนึ่ง แต่กระบวนการทั้งหมดเป็นไปด้วยความราบรื่น 

ขณะที่กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์เราได้แจ้งไปแล้ว เช่น แอปพลิเคชันรัฐจ่ายของกรมบัญชีกลาง สามารถตรวจสอบสวัสดิการได้หลายประเภท ทั้งคนพิการและกลุ่มบัตรสวัสดิการ หากคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบต่อไป 

แต่วันนี้ยังพบว่า ยังมีกลุ่มสวัสดิการที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ก็ขอให้เร่งไปดำเนินการผ่านทางธนาคารที่มีบัญชี ส่วนในกลุ่มผู้พิการยังมีอีกราว 90,000 คน ยังมีสถานะที่ต้องแก้ไข เช่น บัตรผู้พิการหมดอายุ บัตรผิดพลาด และยังไม่ได้เชื่อมช่องทางในการจ่ายเงิน ซึ่งต้องเร่งประสานทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เร่งแก้ไขให้เรียบร้อย เพราะเราจะมีการโอนซ้ำอีกสามครั้ง คือวันที่ 22 ต.ค.-22 พ.ย. และ 22 ธ.ค.เป็นครั้งสุดท้าย หากดำเนินการแก้ไขไม่ทันวันที่ 22 ธ.ค. ก็ถือว่าสละสิทธิ์ ส่วนคนพิการที่ไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตนเองได้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่อยู่แล้ว เพื่อดูว่ามีคนตกหล่นหรือไม่แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นยืนยันว่าไม่มีคนตกหล่น 

ขณะที่นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า วันนี้จะเห็นถึงความคึกคักที่เกิดขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ทั้งในตลาด และหน้าตู้ ATM ซึ่งบางคนไปกดเงินจากตู้ ATM ได้รับเงิน 10,000 บาทแต่ในบัญชีมีเงินอยู่ 10,010 บาท ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางมากจริงๆไม่มีเงินเก็บเลย ดังนั้นเงินที่โอนเข้าสู่บัญชีในวันนี้เป็นไปได้สูงว่าจะถูกนำไปใช้ทั้งหมด ซึ่งจากการสำรวจพบว่าจะมีการดำเนินไปใช้กับปัจจัย 4 ทั้งอาหารเพื่อนนุ่งห่ม รวมถึงเครื่องมือสำหรับคนพิการ นอกจากนี้ยังมีรวมเงินของคนในครอบครัวเพื่อนำไปใช้ซื้อสินค้าคงทน 

เมื่อถามว่า หากประชาชนนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้ ก็จะไม่ตอบโจทย์เรื่องของการ กระตุ้นเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายเผ่าภูมิ ย้ำว่าส่วนใหญ่นำไปใช้จ่าย ซึ่งเป็นปัจจัยแรกที่ประชาชนจะใช้ เพราะคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเปราะบางจริงๆ แม้กระทั่งเงินในการดำรงชีพในแต่ละวันยังไม่พอ จึงต้องนำเงินไปใช้ สำหรับการดำรงชีวิตปัจจัย 4 เป็นเรื่องแรก 

ส่วนเรื่องเจ้าหนี้นอกระบบ และมาเฟียจะมีการดูแลเรื่องนี้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การแก้ไขหนี้นอกระบบทางกระทรวงมหาดไทยเป็นแม่งาน ร่วมกับกระทรวงการคลัง เราเดินหน้าตั้งแต่สมัยนาย เศรษฐา ทวีสิน ยังไม่ได้หยุดดำเนินการ และความคืบหน้าการทำงานเรื่องนี้ยังคงเข้มข้น เรายืนยันว่าการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสนใจ ขณะนี้เงินเข้าถึงมือประชาชนกลุ่มเปราะบางขอโอกาสให้เขาได้ใช้ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิต ซึ่งการโอนเงินครั้งนี้ นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว วันนี้จะเป็นว่าตลาดสด ตลาดค้าส่งค้าปลีกจะมีความคึกคักเป็นอย่างมาก และกลุ่มเปราะบาง ยังถือเป็นการจุนเจือ ลดภาระค่าครองชีพ 

ดังนั้นขอโอกาสที่เขาจะได้นำไปใช้สร้างชีวิต ช่วยเหลือครอบครัว หากมีข่าวสารเรื่องหนี้นอกระบบเข้ามามาทวง ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งตนมีโอกาสได้คุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ซึ่งจะนำเรียนและช่วยให้กำชับพื้นที่ด้วย 

เมื่อถามถึงการตรวจสอบสถานะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จะมีการทบทวนทุก 2 ปี ซึ่งรอบหน้าจะมีการทบทวนในเดือน ต.ค. 68 แม้จะถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้สิทธิ์ในรอบนี้ เพราะหากบัตรนั้นไม่ได้อยู่ในกรอบที่จะได้รับสิทธิ์ในรอบนี้ก็ถือว่าไม่นับ เพราะฉะนั้นต้องดูว่าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังได้รับการโอนเงินช่วยเหลือรายเดือนในทุกเดือนอยู่หรือไม่ 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส