สืบนครบาล รวบ “สองสาวแสบ” ตระเวนจำนำทองปลอม ใช้ข้อต่อทองแท้ ตบตาจนร้านทอง เชื่อว่าเป็นทองแท้
วันที่ 26 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. ได้จับกุมตัว
น.ส.ชนิดตา แบนเนียร์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 6 หมายจับ
(1.)หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.190/2567 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงทรัพย์ ”
(2.)หมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ 6/2567 ลงวันที่ 19 มกราคม 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงทรัพย์ ”
(3.)หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.978/2567 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงทรัพย์ ”
(4.)หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ.762/2566 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2566
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกง ”
(5.)หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.981/2567 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงทรัพย์ ”
(6.)หมายจับศาลแขวงราชบุรี ที่ 71/2567 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ”
จับกุมคอนโด ถ.ลาดพร้าว 101 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
2. นางสุกัญญา สำโรงทอง อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 148/2567 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ”
จับกุมหน้าโรงงานน้ำแข็ง แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 นางสุกัญญา ผู้ต้องหาในคดีนี้ กับพวก นำสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 3 บาท มาจำนำที่ร้านทองชื่อดัง สาขาเซ็ลทรัลแจ้งวัฒนะ ในราคา 90,827 บาท
ต่อมาทางร้านได้รับแจ้งจากสำนักงานใหญ่ว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นกลุ่มมิจฉาชีพนำทองคำปลอมมาจำนำ จึงได้ใช้ไฟเป่าทองที่รับจำนำดู ปรากฏว่า เมื่อใช้ไฟเป่าหัวจรวดหลุดออกจากตัวเส้นทอง เนื่องจากเป็นทองปลอม ใช้กาวเชื่อมติดไว้ หากเป็นทองจริงจะไม่หลุดออก เว้นแต่จะโดนความร้อนจนหลอมละลาย เมื่อทราบจึงได้รายงานหัวหน้า และรวบรวมพยานหลักฐาน มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องทากับพวก จนคดีจะถึงที่สุด
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรับสารภาพว่าได้นำทองปลอม (ตะขอทองแท้) มาตระเวนขายตามร้านทองทั่วกรุงเทพและพื้นที่ต่างจังหวัดจริง โดยรับมาจากนายเบิร์ด ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ให้ช่วยนำทองหนัก 2 บาท 3 บาท ไปขาย ไปจำนำให้ ให้ค่าจ้างจากน้ำหนักทองบาทละ 5,000 บาท ซึ่งทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ อยู่ระหว่างขยายผลหาผู้บงการ จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาที่ 1 นำส่งไปยัง สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ขอเตือนภัยผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชน หลังจากพบการปลอมแปลงโลหะทองคำรูปแบบใหม่ และใช้วิธีนำข้อต่อทองแท้มาใส่ไว้ เพราะร้านทองจะตรวจสอบเบื้องต้นที่ตะขอเพียงอย่างเดียว จึงทำให้หลงเชื่อว่าเป็นทองแท้ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสามารถตรวจสอบทองคำของเอกชนได้ ต่อเมื่อวัตถุพยานชิ้นนั้นเป็นคดีความทางอาญาหรือเป็นคดีทางแพ่งที่ศาลสั่งให้มีการตรวจสอบแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ขอเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าขณะนี้มูลค่าทองคำบาทละกว่า 40,000 บาท การที่พี่น้องประชาชนจะไปซื้อทองคำและร้านทองที่รับซื้อทองโรงรับจำนำขอให้ไปซื้อที่ร้านที่มีชื่อเชื่อถือได้ และมีตราสมาคมผู้ค้าทองคำ.