เปิดใจ "เชฟอ้อย" สารภาพสิ้น ยักยอกเพชรของแฟนคลับ ไปขายโปรดิวเซอร์รายการดัง 2 ล้านบาท โอดรายได้หด หมุนเงินไม่ทัน
พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รักาาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) หรือ สอท. สั่งการเจ้าหน้าที่ไปจับกุม นางยุวดี หรือเฟชอ้อย อายุ 54 ปี ชาว ต.แม่ระกา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ตามหมายจับของศาลแขวงบางบอน ที่ 289/2567 ลงวันที่ 2 ก.ย. 2567 ข้อหาความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งจับกุมได้ที่ห้างฯ แห่งหนึ่ง ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา
คดีนี้สืบเนื่องจาก ผู้เสียหาย (แฟนคลับ) รู้จักกับเชฟอ้อยผ่านทางทีวี และเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดัง จึงติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร จึงได้พูดคุยจนเกิดความสนิทสนมกัน ผู้ต้องหาเห็นว่าผู้เสียหาย ต้องการจะขายทองคำ เพชร และพระเครื่อง มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จึงเสนอตัวจะเป็นนายหน้านำทรัพย์สินดังกล่าวไปทำการขายให้ ผู้เสียหายเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดังและเป็นที่รู้จักในวงการ จึงยอมให้ผู้ต้องหานำทรัพย์สินดังกล่าวไปเพื่อทำการขาย
ระยะเวลาผ่ายไปหลายเดือนผู้เสียหายทราบภายหลังว่าผู้ต้องหาได้นำทรัพย์สินของตนไปมัดจำ เพื่อเปิดร้านอาหาร จึงได้ทวงถามกลับมายังผู้ต้องหา พบว่าเป็นความจริง จึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางบอน
ต่อมาชุดสืบสวนได้ทำการแกะรอยจนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาอยู่ที่บริเวณห้างดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าจับกุม สอบสวนให้การรับสารภาพว่า ได้มีการนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจริงโ ดยสาเหตุมาจากหมุนเงินไม่ทัน หลังจากที่ออกรายการชื่อดังอย่างโหนกระแสไป ทำให้มีผู้ติดตามลดลง และมีคนซื้อแฟรนไชส์ลดลงทำให้ประสบปัญหาในเรื่องของธุรกิจ จึงตัดสินใจก่อเหตุ
เชฟอ้อย สารภาพว่า ได้นำเพชรจากผู้เสียหายไปขายจริง โดยตนทำหน้าที่เป็นนายหน้าเอาไปให้โปรดิวเซอร์รายการทีวีช่องดัง ซึ่งทางนั้นก็ยังไม่ได้จ่ายเงินเรา แต่ช่วงเวลาที่นำเพชรมาครั้งแรกเราได้ควักเงินจ่ายให้กับผู้เสียหายไปก่อน 500,000 บาท แต่ต่อมาภายหลังได้ออกรายการโหนกระแส กรณีที่มีปัญหาดรามาเรื่องลูกชิ้น ทำให้ขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถผ่อนคืนให้กับทางผู้เสียหายได้ แต่ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีหรือไม่จ่ายเงินให้กับทางผู้เสียหาย ที่ผ่านมาได้พยายามติดต่อผู้เสียหายมาโดยตลอด และพยายามที่จะขอไกล่เกลี่ยเพื่อที่จะชดใช้เงินให้เต็มจำนวน ก่อนถูกออกหมายจับดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางบอน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป