"ทนายตั้ม-เมีย" นอนคุกกองปราบ ก่อนตำรวจฝากขังศาลวันนี้ หลังสอบปากคำนาน 11 ชม. ขณะที่ทนายความยันสองผัวเมียไม่ได้หนี ใส่สูทรอตำรวจมาจับตั้ง 5 วันแล้ว
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ติดตามจับกุมตัวนาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกง , ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน พร้อมกับนาง ปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของทนายตั้ม ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ได้ที่ ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
ต่อมาเมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 8 พ.ย. 67 ที่อาคารกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายหลังการสอบปากคำกว่า 11 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนร่วมกันควบคุมตัวนายษิทรา พร้อมนางปทิตตา สองสามีภรรยา ลงจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวเข้าห้องขังที่บริเวณชั้น 1 บก.ป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ ทนายตั้มจะลงมาห้องขังได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่า "ยังมีนักข่าวเฝ้าอยู่หรือไม่" เนื่องจากไม่อยากเจอสื่อมวลชน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจึงขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนให้ออกมาเฝ้าสังเกตการณ์ด้านนอกอาคารแทน กระทั่งผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวทนายตั้ม เดินลงจากห้องสอบสวน โดยทนายตั้มมีสีหน้าอิดโรย และพยายามเหลือบมองสื่อมวลชน รวมถึงนางปทิตตา ก็ได้เดินก้มหน้า ก่อนทั้งสองจะถูกนำตัวเข้าห้องขังไปทันที
ด้านนาย สายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม เปิดเผยว่า ทนายตั้มไม่เครียดกับการถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งยังเตรียมตัวถูกจับกุมจากตำรวจมาเป็นเวลานานถึง 5 วัน โดยใส่สูทแต่งตัวรอให้ถูกจับกุมอยู่ที่บ้านตลอดเวลา กระทั่งวันนี้เห็นว่ายังไม่มีการออกหมายจับจึงเดินทางไปทำบุญที่วัดใน จ.ฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งมีความบริสุทธิ์ใจสังเกตได้จากการแต่งตัวและเสื้อผ้า ที่ทั้งสองคนวางแผนว่าจะไปนอนทำวัตรเย็นที่วัด และเดินทางกลับบ้าน ไม่ได้จะเดินทางหนีออกไปยังชายแดนอย่างที่ทุกคนตั้งข้อสังเกต แต่ยอมรับว่าภรรยาของทนายตั้มมีอาการเครียด เนื่องจากเป็นผู้หญิง และไม่คิดว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเข้าเรือนจำ
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี ยืนยันว่าตนเองและทนายตั้มได้เตรียมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารหลักฐานสัญญาไว้อย่างละเอียดแล้ว และเชื่อว่าจะสามารถนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการตีความกฎหมาย นอกจากนี้จะหารือกับญาติของลูกความทั้งสองคนว่าจะเตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไว้อย่างไร