วันที่ 24 สิงหาคม 2560
นางแหลม อุ่นอ่อน และนางหมายปอง อุ่นอ่อน มารดาและพี่สาวของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ช่วยเร่งรัดคดี หลังจาก น.ส.จุฑาภรณ์ หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าคดีมีความล่าช้า อีกทั้งยังมีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องการให้คดีนี้กระจ่างโดยเร็วที่สุด เนื่องจากครอบครัวมีความกังวลมาก กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ ได้นำเอกสารประกอบ เช่น ใบแจ้งความ ใบซื้อขายรถยนต์ของ ผอ.อ้อย แนบมาด้วย
ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่บ้าน
นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน กล่าวว่าจากการที่ตนได้ติดตามข่าวร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ ผู้กองเหน่ง ผู้ต้องหา ที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูกสาวตนได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนคดีนี้ ที่สภ.กันทรลักษ์แล้ว ตนสงสัยว่าเพราะเหตุใด พนักงานสอบสวนคดีนี้จึงยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับร.อ.ศุภชัยในข้อหาเกี่ยวกับการกระทำผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนแล้วว่า ร.อ.ศุภชัยใช้โทรศัพท์ของตนเองเข้ารหัสในชื่อบัญชีของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ซึ่งพนักงานสอบสวนยึดเอาโทรศัพท์มือถือของ ร.อ.ศุภชัย มาทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ตนขอวอนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกรุณาลงมาให้การช่วยเหลือด่วน เนื่องจากขณะนี้ตนเห็นว่าคดีมีความคืบหน้าไปค่อนข้างล่าช้า หากนานไปคดีก็จะเงียบหาย ขอให้ช่วยเร่งรัดคดีรวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับทุกคนที่มีส่วนร่วมในคดีนี้ด้วย ส่วนชุดค้นหากว่า 50 คนที่เป็นลูกหลานของตนในวันนี้จะพากันไปเดินค้นหาที่ผาเดียวดายทางขึ้นช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เนื่องจากสงสัยว่าคนร้ายอาจจะนำร่างของน.ส.จุฑาภรณ์ไปทิ้งไว้บริเวณดังกล่าว
ภายหลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา (23 ส.ค.)
นายบัวกัน อุ่นอ่อน อา พร้อมด้วยนายคำพูน นันทบรรณ์ พี่เขยของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย เดินทางพร้อมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสาธงชัย ไปยังประเทศลาว เพื่อทำการเจรจาขอเข้า
ตรวจสอบศพนิรนาม ที่พบบริเวณ ผานางอิง ในบ้านเปว เมืองมูนละปาโมก แขวงจำปาศักดิ์ ชายแดนประเทศลาว ซึ่งติดต่อกับอุทยานแห่งชาติภูจองนายอยของประเทศไทย โดยทั้งหมดเดินทางเข้าประเทศลาว ผ่านจุดข้ามแดนช่องเม็ก ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ผ่านเมืองปากเซ ข้ามแม่น้ำโขง โดยใช้แพยนต์ไปยังเมืองมูนละปาโมก ระยะทางรวมกว่า 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะแวะพัก เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมือง โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอเอกสารใบแจ้งความคนหาย และเอกสารยืนยันตัวตนของทางญาติที่มาติดต่อ ใช้เวลาพูดคุยกว่า 1 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่า จะนำเอกสารดังกล่าวยื่นเสนอต่อเจ้าเมืองมูนละปาโมก เพื่อให้ญาติได้ขึ้นไปตรวจสอบศพนิรนาม
โดยทางญาติได้พักค้างคืนที่ตัวเมือง ก่อนที่ช่วงเช้าเวลา 08.30 น.
นายบัวกัน จะเดินทางไปยัง ศาลปู่เวินแคน ที่มีความเชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองเก่า เพื่อไหว้ขอพร ให้ตนได้พบร่างของ ผอ.อ้อยโดยเร็ว หลังจากนั้นจึงเดินทางไปยังบ้านเปว จุดที่มีข้อมูลว่าชาวบ้านพบศพนิรนาม ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ซึ่งถนนเป็นทางลูกรัง ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดได้เข้าไปพูดคุยกับตำรวจประจำเขต ที่สถานีตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า มีศพอยู่จริง ที่ชายแดนบริเวณผานางอิง ติดกับประเทศไทย ห่างจากบ้านเปว ประมาณ 25 กิโลเมตร แต่พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าที่ค่อนข้างสัญจรลำบาก ต้องใช้รถอีแต๋นขับเข้าไป และเดินเท้าต่ออีกประมาณ 10 กิโลเมตร
ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยข้อมูลจากชาวบ้านว่า
ศพมีสภาพเปื่อย เห็นหัวกะโหลก เสื้อผ้ากระจัดกระจาย นอนอยู่กลางพงหญ้า ลักษณะคล้ายถูกโยนลงมาจากผานางอิงของประเทศไทย ซึ่งเป็นเส้นแบ่งพรมแดน 2 ประเทศ ตกลงมาในพื้นที่ซึ่งเป็นน้ำตกของประเทศลาว และถูกกระแสน้ำพัดมาอยู่ในพงหญ้า โดยตำรวจประจำเขต ไม่มีอำนาจในการนำญาติเข้าไปตรวจสอบ เพราะพื้นที่ดังกล่าว เป็นเขตความมั่นคงของชายแดน ต้องได้รับการอนุญาตจากทางเจ้าเมือง และต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมจึงสามารถเข้าพื้นที่ได้
ทางญาติจึงเดินทางกลับมายังตัวเมืองมูนละปาโมกเพื่อติดต่อเจ้าเมือง แต่ได้รับข้อมูลว่าเจ้าเมืองเดินทางไปยังเมืองปากเซ คาดว่าจะมีการพูดคุยในเรื่องศพนิรนามดังกล่าว ทั้งหมดจึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อประสานกับทางการไทยอีกครั้ง
โดย นายบัวกัน ให้สัมภาษณ์ภายหลังออกมาจากด่านข้ามพรมแดนช่องเม็กว่า ในวันนี้ตนยังไม่ได้เข้าไปดูสภาพศพ เพราะยังขาดการประสานงาน ทางตำรวจไทยจะต้องประสานกับเจ้าแขวงจำปาศักดิ์ และเข้ามาตรวจสอบพร้อมกัน แต่จาก
ข้อมูลที่ได้มาค่อนข้างมั่นใจว่าศพดังกล่าวเป็น ผอ.อ้อย เพราะจากข้อมูลที่ได้รับและภาพที่แหล่งข่าวส่งมาให้ พบว่าศพมีรูปร่างลักษณะเป็นผู้หญิง ถูกทิ้งใกล้ชายแดนประเทศไทย ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นช่องทางของผู้ลักลอบขนไม้พยุง ที่จะนำไม้ไปทิ้งเพื่อส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน
หลังจากนี้ จึงขอเดินทางกลับมาประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งผู้บังคับการจังหวัด รวมถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกันทรลักษ์ เพื่อขอให้นำญาติเข้าไปตรวจสอบศพดังกล่าวเพื่อให้หมดข้อสงสัย
ทั้งนี้ ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถาม
พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ระบุว่า ได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ลาวแล้ว โดยทางลาวได้ยืนยันว่าได้เข้าตรวจสอบศพดังกล่าวแล้ว และได้สอบปากคำนายพราน ผู้ที่พบศพดังกล่าว ซึ่งให้ปากคำว่าพบศพตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ ที่ ผอ.อ้อยหายตัวไป โดยหากญาติยังติดใจ ก็ยินดีประสานกับทางการลาวเพื่อให้ญาติได้เข้าตรวจสอบด้วยตัวเอง