ลุงพลน้ำตาคลอ เอยถึงทนายดัง เคยโดนดูถูก ไล่ให้ไปเรียนกฎหมาย พร้อมย้อนคำเรียนเนติ อย่าเนรคุณ งงมากจ่าย 2 ล้านว่าความคดีน้องชมพู่ แต่แจ้งหยุดกลางคัน
จากกรณีทนายคนดัง ถูกเศรษฐินีชาวไทย แจ้งความข้อหาฉ้อโกงฯเงิน 71 ล้านบาทต่อมานาย สนธิ ลิ้มทองกุล นักข่าวอาวุโส ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ ได้นำหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องออกมาเปิดเผย กระทั่งมีหลายคนที่เคยใกล้ชิดออกมาแฉถึงพฤติกรรมของทนายคนดัง จนกลายลุกลามเป็นเรื่องราวใหญ่โตนั้น
วันที่ 30 ต.ค. 67 ที่บ้านดงจำปา อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร บ้านของนายไชยพล วิภา หรือลุงพล กับ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น กล่าวถึงความสัมพันธ์กับทนายคนดังที่เคยใกล้ชิด และว่าความให้
โดย นายไชยพล เปิดเผยว่าได้เห็นข่าวตามหน้าสื่อไปบ้างแล้ว ส่วนจะถูกหรือผิดอย่างไรก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ต้องคอยติดตามกันต่อไป อยากให้ทนายคนดังออกมาพิสูจน์ตัวเองสังคมจะได้ไม่ตำหนิ แต่เบื้องต้นตนมองว่าทุกอย่างต้องไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม
ในส่วนของทนายคนดังที่เข้ามาดูแลตนเรื่องคดีความน้องชมพู่ขณะนั้น ด้านรายละเอียดตรงนี้ก็จะเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ช่วยซัพพอร์ตเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่ข้างหลัง เนื่องจากตอนนั้นตนยังไม่มีกำลังมากพอที่จะจ่ายค่าทนาย โดยทนายดังได้ไปตกลงกันเองกับแฟนคลับ ส่วนราคาว่าความเรียกมาประมาณ 3 ล้านบาท
ต่อมาเจรจาขอลดลงเหลือ 2 ล้านบาทไม่นาน หลังจากนั้นจู่ๆ ทนายคนดังก็ขอยุติบทบาทลง โดยให้เหตุผลว่า ไปได้ยินยูทูบเบอร์ไลฟ์สดประมาณว่าเจองูกับทนายให้ตีทนายก่อน ซึ่งตอนนั้นตนก็ตกใจมาก เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตน จากนั้นเป็นต้นมาก็ต่างคนต่างเดิน
ผู้สื่อข่าวรายว่า เมื่อพูดมาถึงเรื่องเหตุผลทำให้ต้องแยกย้ายกันไป ลุงพลเริ่มน้ำตาคลอ ขณะเดียวกันป้าแต๋นก็พยายามห้ามไม่ให้พูดถึงอดีต เพราะเรื่องมันจบไปนานแล้ว แต่สุดท้ายลุงพลก็ทนไม่ไหว ขอพูดระบายความในใจมาว่า ทนายคนดังเคยแนะนำตนให้ไปเรียนทางด้านนิติศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย และยังพูดฝากมาถึงตนผ่านสื่อว่าเรียนเนอย่าไปเนรคุณใคร จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เห็นแล้วว่าคำพูดนี้กลับย้อนไปหาเขา ซึ่งเขาเคยดูถูกตนไว้เมื่อครั้งนึง
ทั้งนี้ฝากให้กำลังใจทั้งผู้เสียหาย และทนายคนดัง ส่วนตัวไม่ขอตัดสินใคร เพราะเคยถูกกระแสสังคมตัดสินมาแล้ว คนนึงก็คือคนคุ้นเคยกันและอีกคนคือผู้เสียหายที่ไม่รู้จัก แต่ก็น่าเห็นใจ เพราะเสียหายเยอะขนาดนั้น