“ทนาย” ยันยังไม่ประกัน “บอสพอล” ใช้ฐานกำแพงเรือนจำต่อสู้คดี ลั่น “ดีเจเคนโด้” ไม่รอดแน่ ได้เงินไปกว่า 3 ล้านจากเปอร์เซ็นต์การขาย
นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพว่า วันนี้เข้าไปเยี่ยมบอสพอล ได้อัปเดตงาน โดยกรณีของดีเจเคนโด้ รอทางฝ่ายบัญชีนำหลักฐานให้ รวบรวมข้อมูล รายได้เบื้องต้น ซึ่งเป็นรายได้ไม่เยอะ เพราะเป็นช่วงแรกของธุรกิจ ซึ่งเราไม่ได้ขายดีขนาดนั้น และสินค้าอาจจะมีน้อยกว่า แต่ลักษณะการรับค่าจ้าง เหมือนกับบอสกันต์ แต่ไม่ได้เป็นพนักงานบริษัท
ส่วนกรณีที่ดีเจเคนโด้ ออกมาแถลงโต้ตอบและขู่จะฟ้องกลับ ทนายวิฑูรย์บอกว่า ไม่เป็นไรผมพูดตามพยานหลักฐาน ซึ่งผมรับมอบอำนาจจากบอสพอลให้ดำเนินคดี แต่หากคุณเคนโด้ คิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็ต่อสู้คดี เพราะถ้าไม่ผิดก็แสดงว่าไม่ผิด แต่ถ้าผิดก็ไม่รอด
ซึ่งหลักฐานการโอนเงินให้ดีเจเคนโด้ ในปีนั้น ประมาณ 3 ล้าน 6 บาท ยืนยันว่ามีหลักฐานทางบัญชี โดยเป็นลักษณะการรับเงินคล้ายกับบอสกันต์ เพียงแต่รายได้ไม่เท่ากัน และสถานะก็คล้ายกับบอส กันต์ และจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน
ส่วนที่ดีเจเคนโด้ อ้างว่า ตอนนั้นบริษัทไม่มีความผิด ทนายยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะตอนนี้ผู้เสียหายมาแจ้งความ โยงไปตั้งแต่เปิดบริษัทใหม่ๆ
ส่วนประเด็นที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อ้างว่า ตำรวจกองปราบเรียกรับเงินจาก โค้ชแล็ป 9 ล้านบาทนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะมีการ สอบถามบอสพอล และโค้ชแล็ปแล้ว และเรื่องนี้กองปราบเสียหายมาก
ส่วนประเด็นผู้เสียหายที่แจ้งความ กว่า 9,200 คน ซึ่งตนเองได้หลักฐาน ในการเตรียมการแจ้งความ เป็นตัวแทนเก่าคนหนึ่ง ไปวางแพทเทิร์นไว้ ทั้งหมด ว่าควรจะให้ปักคำกับตำรวจไปในทิศทางไหน เช่น เวลาแจ้งความ ให้แจ้งเกี่ยวกับบริษัทโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง ซึ่งถือเป็นการชี้นำการแจ้งความ และนำรถหรูบ้านหรูมาเป็นตัวชวนเชื่อว่ า ถ้าเปิดบิลดีลเลอร์ แล้วจะได้แบบนี้ และเปิดบิลเพราะเชื่อมั่นในบอสพอล แสดงให้เห็นว่านี่คือการแจ้งความกำหนดประเด็น ให้บรรดาตัวแทนเข้ามาแจ้งความ โดยไม่ได้มีการแจ้งความตามความเป็นจริง ของแต่ละคน
และมีคลิปวิดีโอของมูลนิธิหนึ่ง ที่เอาแพทเทิร์นในการทำงาน ของทีมทนายท่านหนึ่งมา และบอกว่าให้ทุกคนแจ้งความไปในทำนองนี้เหมือนกัน เขาเรียกว่าเป็นการแจ้งความเป็น แพทเทิร์น เวลาให้ปากคำ ก็จะให้ปากคำเป็น แพทเทิร์น
ซึ่งแพทเทิร์นนี้ เป็นหัวของสำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ ซึ่งมีกลุ่ม ของผู้เสียหายบางคนนำแพทเทิร์นนี้ มาใช้กับกลุ่มของตัวเองและวางแพทเทิร์นของตัวเอง ซึ่งทำให้ตัวแทนให้การไม่ตรงความจริง
จึงอยากให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางตำรวจกองปราบตรวจสอบคำให้การของพยานทุกคน ว่ามีการให้การในลักษณะที่เป็นลูปเดียวกัน เท่าไหร่ เพราะ 9,000 กว่าคน และเป็นการเป็นให้การเป็นไปตามความจริง หรือตามแพทเทิร์น ที่วางไว้หรือไม่ ถ้าหากให้การเป็นแพทเทิร์นเดียวกันจริงตำรวจต้องเรียกมาสอบสวนใหม่ หรือสอบสวนเพิ่มเติม
ทนายวิฑูรย์ บอกว่า หากตัวแทนคนใด ให้ปากคำตามแพทเทิร์น และไม่เป็นความจริง ขอให้กลับไปแก้ไข ให้ถูกต้อง ตามความเป็นจริง อย่ามาให้การปรักปรำ ตามที่มีการให้ชี้นำแจ้งความ เพราะถือเป็นการแจ้งความเท็จ และเป็นการให้การเท็จ เพราะทำให้คนๆหนึ่ง ที่ยังไม่รู้ว่าเขาผิด หรือเขาบริสุทธิ์ต้องถูกขังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งเรื่องนี้ ถือว่าไม่แฟร์
ส่วนประเด็นที่แม่ขายหลายคนทยอยถอนแจ้งความ ทนายวิฑูรย์บอกว่า ได้ยินจากทางด้านตัวแทนขายดิไอคอนว่า คนที่ไปแจ้งความไว้ติดต่อขอถอนแจ้งความ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนหลักร้อย
ส่วนเรื่องการประกันตัว มองว่าอยู่ข้างนอกอาจจะไม่สะดวกหลายอย่าง แต่เราจะใช้ฐานกำแพงเรือนจำต่อสู้คดี โดยจะมีพยาน ที่เป็นตัวแทน และยังทำธุรกิจอยู่ ซึ่งได้รับความเสียหาย จากการทำธุรกิจเพราะว่ามีคดีนี้เกิดขึ้น กระแสสังคมรุนแรง โดยจะพากลุ่มนี้มาให้ปากคำซึ่งรวบรวมได้ 2,000 กว่าคน และอีกกว่า 2 แสน 8 พันคนที่ยังติดต่อไม่ได้ ก็จะขอให้ตำรวจออกหมายเรียก ให้สอบให้หมด ส่วนกลุ่ม 9,200 บาทที่เคยเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี ใครประสงค์จะทอนแจ้งความ หรือให้การเพิ่มเติมให้รีบติดต่อตำรวจในทุกๆพื้นที่ หรือมาที่ปคบ.ก็ได้ เพื่อมาแก้ถ้อยคำที่เป็นแพทเทิร์นให้มันถูกต้อง มันจะได้เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม ว่าดิไอคอนโกงจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้เราถูกกล่าวหาอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งตอนนี้เราจะนำข้อเท็จจริงเหล่านี้เข้าสู่สำนวนคดี
โดยในวันนี้บอสพอลไม่ได้สั่งหรือออเดอร์แจ้งความใครเพิ่ม ซึ่งวันนี้เป็นการพูดคุยในรายละเอียดของเรื่องคดี เพราะต้องเคลียร์ออเดอร์เก่าให้เสร็จก่อน
เมื่อนักข่าวถามว่าคดีฉ้อโกงยังไม่ได้เริ่มต้นการต่อสู้ แต่ทาง DSI เตรียมชงเข้าข่ายมีมูลแชร์ลูกโซ่ ทนายวิฑูรย์ บอกว่า หากท่านรับเป็นคดีพิเศษ ท่านเตรียมสอบปากคำ พยานที่ยังติดต่อไม่ได้ กว่า 2 แสน 8 พันคน บาท และอีก 9,200 คน รวมแล้วประมาณ 3 แสนกว่าคน ท่านต้องสอบให้หมด เพราะการสอบสวนคุณต้องพิสูจน์ทั้งความผิดและความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา ตอนนี้คุณพิสูจน์แต่ความผิด คุณยังไม่พิสูจน์ความบริสุทธิ์เลย ผมจะเอาความบริสุทธิ์นี้มาให้คุณพิสูจน์แล้ว ว่าบริษัทเราประกอบธุรกิจถูกต้องหรือไม่อย่างไร
ส่วนประเด็นพยานของ เอก สายไหมต้องรอด นายวิฑูรย์ บอกว่า เมื่อเช้าทาง DSI เข้ามาสอบสวนบอสพอล ว่าเคยจ่ายให้ใครบ้าง และอักษรย่อพวกนี้เป็นใคร แต่บอสพอล ได้ปฏิเสธไปว่าไม่เคยจ่าย DSI เพราะการทำธุรกิจไม่เคยติดต่อกับ DSI ซึ่งเป็นคำกล่าวหา จากสื่อช่องหนึ่ง แต่ตนเองยืนยันว่า จะไม่ดำเนินคดีจะไม่ฟ้องสื่อ ทุกสำนัก เพราะถือว่าสื่อทำงานตามหน้าที่ อาจจะได้ข้อมูลมาแบบนั้นและรายงานไปตามนั้น และได้ชี้แจงทาง DSI ไปว่า ไม่ได้จ่ายใคร และอักษรย่อพวกนี้ก็ไม่รู้เป็นใคร
ส่วนกรณีที่คุณพลอย ภรรยาบอสกันต์ ไม่ถูกแจ้งความ เหมือนแม่ทีมคนอื่นๆ ทนายวิฑูรย์ บอกว่า ผมเป็นทนายของบอสพอล ผมเป็นทนายของบริษัทดิไอคอน ผมไม่ใช่ผู้พิพากษา ไม่ได้เป็นอัยการ เพราะฉะนั้นผมไม่ทำ
และตอนนี้ทีมทนายของเราตกลงกันแล้วว่า ทุกคนจะแต่งทนายสลับกัน เพื่อให้ทุกคนมีทนายครบทุกทีมและคุยกันได้หมด หรือเรียกว่าเป็นเนื้อเดียวกัน
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เข้าไป ในห้องสอบสวนของเรือนจำนั้น เรื่องนี้ อยากให้ทางผบ.เรือนจำ เป็นคนดำเนินการมากกว่า
พร้อมกับบอกบอสพอล ว่า “อยู่ให้เป็นเย็นให้พอ รอให้ได้ แกล้งตายให้เป็น รอวันเอาคืน”