“ทอม เครือโสภณ” นักธุรกิจชื่อดัง เห็นต่าง มองคดีดิไอคอนกรุ๊ปมีโอกาสรอด เนื่องจากบริษัทนี้มีสินค้าจริง เหมือนบริษัทเอ็มแอลเอ็มทั่วไป
วันที่ 31 ต.ค.67 นายจุลภาส เครือโสภณ นักธุรกิจชื่อดัง เปิดเผยถึงกรณีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปว่าแต่ละอย่างที่บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปทำนั้น มีการสอนให้ทำธุรกิจเกี่ยวกับออนไลน์จริง มีสินค้าขายจริง และมีสมาชิกถึง 700,000 คน ซึ่งหลังจากเกิดความเสียหาย ก็ไม่ได้มีผู้เสียหายกว่า 700,000 คนมาฟ้องร้อง โดยปัจจุบันมีเพียงหลักหมื่นเท่านั้น จึงมองว่าในส่วนที่เหลืออีก 6 แสนคน ถ้าหากว่าโดนโกง โดนหลอก ทำไมถึงไม่เดินทางมาฟ้องด้วย ทั้งนี้ยังปรากฏว่าสินค้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ยังขายในแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆด้วย
โดยในวันนี้ที่ตนออกมาพูดนั้น ตนเองไม่ได้เป็นตัวแทนของทางฝั่งของบอสพอล แต่ตั้งใจที่จะออกมาพูดในมุมที่แตกต่าง ในปัจจุบัน ยังพบว่ามีเครือข่ายธุรกิจเอ็มแอลเอ็ม อีกมากมายอย่างเช่น แอมเวย์ กิฟฟารีน ซึ่งยังปรากฏว่า มีธุรกิจเหล่านี้ยังคงอยู่ได้มาหลาย 10 ปี พอเกิดกระแสดังกล่าว ก็อาจจะทำให้ธุรกิจเหล่านี้ได้รับผลกระทบ เพราะกระแสได้บอกว่าธุรกิจเหล่านี้ผิดไปแล้ว ถ้าตามคำว่า “ฉ้อโกง” หรือแชร์ลูกโซ่ เขาต้องไม่มีสินค้า
จากกรณีที่ทนายเดชา ได้มีการออกมาพูดว่า คดีของดีไอคอนนั้นอาจจะหลุด ในช่วงที่ดีเอสไอมีการทำคดีนี้ เพราะอาจจะมีคนมาวิ่งเต้น ตนขอค้านว่า กรณีที่ทนายเดชาพูดแบบนี้ มันไม่แฟร์ ซึ่งคนที่เป็นทนายกันเขาไม่ได้พูดกันแบบนี้ เพราะทำให้การทำงานของดีเอสไอจะลำบาก
ส่วนกรณีทนายเดชา มีการร่างหนังสือให้กับลูกความของเขา ตนเองมองว่าไม่ผิด เพราะในกรณีของลูกความถ้าวิ่งเข้าหาทนายความแล้ว ก็ต่างต้องการคำปรึกษา จึงมองว่ากรณีที่ทนายของบอสพอล ออกมาพูดแบบนี้มันดูไร้สาระ เพราะไม่อย่างงั้นจะมีทนายไว้ทำไม
นายจุลภาส ยังบอกอีกว่า กรณีคดีของดิไอคอนกรุ๊ป ทำให้เห็นระบบรอบข้างของการปกครองของประชาชน เพราะทำให้เราได้เห็นสส.เลว ได้เห็นทนายหิวแสง และคนเลว
ซึ่งหลังจากที่จบรายการ (โหนกระแส) ได้เข้าไปโผกอดทนายเดชาและทนายรณรงค์ ต้องบอกว่า ตนเองเรียนจบที่ต่างประเทศการกอดเป็นวัฒนธรรมตามปกติ ซึ่งทางด้านของพี่หนุ่ม กรรชัย ก็ได้พูดว่า การกอดกันแบบนี้มันชิบหายมาหลายคู่แล้ว ซึ่งตนมองว่า ตนกับทนายเดชาไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน.