ครูปรีชา ลั่น "ไอ้ตั้ม มันร้าย ร้ายกาจกว่าที่เราคิด" ทำให้ตนแพ้คดี หน้าที่การงานต้องหมด ข้าราชการครูก็ถูกออก ยันใครทำอะไรก็ได้แบบนั้น
วันที่ 31 ต.ค.67 กรณีดรามาทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ถูกเจ๊อ้อย เศรษฐินีแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน และมีคู่กรณีหลายคนออกมาแฉแห่จองกฐิน
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทาง ไปพูดคุยนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ซึ่งเคยรู้จักกันกับทนายตั้มตั้งแต่ปี 2560 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้วคดีหวย 30 ล้าน ที่สู้คดีระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ ซึ่งทนายตั้มเป็นทนายความให้กับหมวดจรูญ
ครูปรีชา เผยว่า ถึงแม้จะผ่านมา 7 ปี คำเดิมที่ตนเองเคยให้นิยามกับทนายตั้มคือ “ ไอ้ตั้มมันร้าย “ ก็ยังใช้ได้อยู่วันนี้ชัดเจน ตอนคดีหวย 30 ล้านเพิ่งเกิดใหม่ๆ ทนายตั้มเข้ามาที่โรงเรียนที่ตนเองสอนหนังสื่ออยู่ ตอนนั้นยังไม่รู้จักกันเลย แสดงตัวเป็น DSI เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างหมวดจรูญและครูปรีชา ก่อนจะขอดูโทรศัพท์เก็บข้อมูลรายละเอียดไลน์ส่งเลขลอตเตอรี่บอกว่าหากมีจริงก็จะให้หมวดจรูญเอาลอตเตอรี่มาคืน สุดท้ายดูจนครบตนเองก็เชื่อใจเพราะมา 3 คน ตนเองก็อยากให้จบไม่อยากมีเรื่องขึ้นศาล ขณะนั้นก็สังเกตเห็นมีคนที่มาด้วยกันแอบถ่ายในโทรศัพท์ตนเองไว้
ผ่านไป 2-3 วันก็มาเจอเป็นทนายฝั่งหมวดจรูญ “ แบบนี้เรียกว่าเป็นทนายความที่ดีหรือไม่ ไอ้ตั้มมันร้าย มาแฝงเอาข้อมูลถึงในโรงเรียน “
ตนเองยอมไม่ได้ก็ไปฟ้องที่สภาทนายความ สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป ตอนนี้อยากจะฝากถึงผู้ใหญ่ให้ติดตามคดีด้วย ทนายดีๆที่ไหนเขาทำกันแบบนี้
นอกจากนี้ระหว่างกำลังมีคดีฟ้องร้องกับหมวดจรูญ ช่วงไต่สวนมูลฟ้องทนายตั้มได้เอาหลักฐานสัญญาณโทรศัพท์ จากบริษัทต้นสังกัดที่ตนไปขอมาเอาขึ้นมาซักค้านตนเอง ตอนนั้นหมายศาลยังไม่ออก ตนเองเพิ่งมารู้ที่หลังว่าต้นสังกัดของเบอร์มือถือส่งรายละเอียดสัญญาณโทรศัพท์ไปที่พนักงานสอบสวนแล้วเป็นไฟล์ ยังงงว่าสุดท้ายทนายตั้มไปเอามาได้อย่างไร ด้วยวิธีไหน แถมเอาเอกสารของตนเองไปให้หมวดจรูญเซ็นเป็นหลักฐานในการค้านตนอีก ตนเองทักถามไปในศาลก็ได้คำตอบไม่ชัดเจน เลยไปแจ้งความทนายตั้ม พนักงานสอบสวนตอนนั้น หมวดจรูญไว้ เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเมื่อปี 64 ปัจจุบันยังไม่มีใครให้คำตอบได้ เลยรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับเป็นธรรม
ครูปรีชา เผยอีกว่าวันที่ตนไปซื้อลอตเตอรี่มีกล้องวงจรปิดชี้ชัดว่าตนเองอยู่จุดดังกล่าวจริง มีการส่งเอกสารหลักฐานวงจรปิดให้พนักงานสอบสวนแล้วมีลงในเอกสารระบุชัดเจน แต่สุดท้ายขึ้นศาลกลับไม่มี ได้คำตอบว่าหลักฐานสำคัญแห่งคดีหายไป มารู้ว่าพนักงานสอบสวนไปแจ้งความว่าเก๊ะถูกค้นและหลักฐานหายหมด รวมไปถึงซองใส่ลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวที่ส่งมอบให้ตำรวจมีลายนิ้วมือตนเองก็หายไปด้วย สุดท้ายให้ตนเองไปตรวจลายนิ้วมือที่ลอตเตอรี่ก็ไม่เจอ เพราะตนจับแต่พลาสติกใสที่ใส่ลอตเตอรี่ ไม่ได้จับข้างในลอตเตอรี่ สุดท้ายหาคนร้ายยังไม่ได้เลย 7 ปีแล้ว
ตอนนี้ตนเชื่อโดยสุจริตว่าทนายคนดังกล่าว ทำให้ตนเองต้องแพ้คดี รู้สึกสงสารตนเอง หน้าที่การงานต้องหมด ข้าราชการครูก็ถูกออก เพราะไม่มีหลักฐานไปยันว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ อยากจะฝากให้ผู้ใหญ่พิจารณาด้วย
ส่วนหมวดจรูญในศาลที่เจอกันเห็นว่าหมดแล้วตามความรู้สึกของตนเอง ล่าสุดก็มาเรียกเงินและแจ้งข้อหาเพิ่มอีก คงจะเป็นเพราะทนายคนดังกล่าวแนะนำ ถ้ามีเงินตอนนี้คงไม่เรียกขนาดนี้ หมวดจรูญอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ตอนนี้
ส่วนวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ที่ไปเจอทนายตั้มไปพูดคุยไกลเกลี่ยคดีที่ยังเหลืออยู่ ทนายตั้มยังบอกเลยว่า “ ถ้าผมทำคดีให้ครูคงชนะไปแล้ว
สุดท้ายอยากจะฝากถึงทนายตั้ม “ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม “ ใครทำอะไรก็ได้แบบนั้น กรรมมีทั้งทางไกลและทางใกล้ ตอนนี้กรรมติดจรวด ขอให้ทนายตั้มโชคดี ผ่านวิกฤติไปได้ ไม่คิดแค้นอะไร ใครทำอะไรก็จะได้อย่างนั้น และฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและหาคนมารับผิดชอบกับหลักฐานที่หายไปด้วย.