เภสัชกร รพ.ดัง จบชีวิต โพสต์สุดท้ายระบายเรื่องงาน โชคร้ายเจอหัวหน้า Toxic ชอบบีบคั้นลูกน้องลาออก ขณะที่พี่สาวโพสต์เศร้า
วันที่ 31 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เภสัชกรหนุ่มของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองก่อนวัยอันควร เนื่องจากมีความกดดันในเรื่องการทำงาน
โดยระบุข้อความว่า "พี่ XXX (ชื่อหัวหน้า) ครับ การที่ผมตัดสินใจต้องจากคนที่รักไปแบบนี้ ขอให้พี่ XXX รับรู้ไว้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตัวผมเองที่โชคร้ายต้องมาเจอหัวหน้างานอย่างพี่ ที่ไม่เคยเปิดใจรับฟังอะไรทั้งสิ้น และชอบใช้วิธีบีบคั้น หรือกดดันเพื่อให้ลูกน้องลาออก เภสัชกรคนหนึ่งใน รพ. ชื่อดังแถวพระราม 9"
พร้อมแนบภาพบทสนทนาระหว่างผู้เสียชีวิตกับหัวหน้างาน โดยหัวหน้าพยายามแนะนำให้เภสัชกรหนุ่มย้ายไปทำงานแผนกอื่น เนื่องจากมองว่าลูกน้องไม่มีความสุขกับการทำงานกับตนเอง และมีประโยคที่แนะนำให้ลาออก ถ้าทำงานด้วยกันไม่ได้
จากนั้นเพจดังกล่าวโพสต์ข้อความใต้คอนเมนต์เพิ่มเติมว่า “น้องเสียชีวิตจากการรมควันในห้อง เจ้าตัวเขียนจดหมายระบายความในใจ สาเหตุที่ต้องตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ เกิดจากหัวหน้างาน Toxic ที่ไม่ควรเกิดขึ้นในไลน์กลุ่ม”
ทั้งนี้พบว่า ผู้ตายได้โพสต์ข้อความก่อนตัดสินใจจบชีวิตไว้ ใจความว่า "ถึงทุกคนๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ขอบคุณจริงๆ ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันนะ ทุกความทรงจำมีค่ามากจริงๆ ขอโทษถ้ายังติดค้างกับใครอยู่ ขอบคุณคนที่เคยช่วยเหลือเรามาตลอด เราทำตัวเองเองอะ เราเห็นแก่ตัวเอง อยากไปแบบมีความสุขตอนนี้ แต่ตอนนี้ แค่คิดว่า ตื่นขึ้นมาต้องไปทำงาน เจอหน้าคน ที่ไม่เคยเห็นค่าเราก็เหนื่อยละ ไลน์ที่ทำงานก็ toxic จะไปต่อก็มีปัญหาหลายอย่าง สุดท้ายเราแค่ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม มันไม่มีจุดหมายเท่าไหร่"
พร้อมกันนี้ได้ขอบคุณ และขอโทษพ่อแม่และครอบครัว ขอโทษที่รีบไปก่อน พร้อมทื้งท้ายไว้ว่า “เจอกันใหม่ชาติหน้า”
ขณะที่พี่สาวของผู้เสียชีวิต โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้เสียชีวิตว่า “สวัสดีค่ะ นี่พี่สาวของน้องนะคะ ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของน้อง และขอบคุณทางสื่อที่ลงข่าวเรื่องน้องนะคะ ทางครอบครัวอยากให้การจากไปของน้องเป็นไปอย่างสงบ และมีความสุขที่สุดในช่วงเวลานั้นอย่างที่น้องตั้งใจ”
“จากกระแสข่าว ที่เกิดขึ้นในการจากไปของน้อง ที่๋ผ่านมาทางน้อง,รพ.และครอบครัว ได้พูดคุยและปรึกษาปัญหากัน ได้รับรู้และแก้ไขปัญหาให้กับทางเรื่องนี้ แต่น้องรักในอาชีพและองค์กรของน้องมากๆ จึงอยากพิสูจน์ตัวเองว่าน้องทำได้จึงไม่ได้ลาออก จึงขอทำงานนี้ต่อ และตัวน้องเองมีภาวะจากโรคซึมเศร้า ทำให้ภาวะการตัดสินใจของน้องเป็นไปตามอาการของโรค”
“จากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างบุคคล ที่เกิดขึ้นในการทำงาน ทางครอบครัวก็คิดว่าเจ้าตัวเค้าคงรู้สึกผิดจากของการกระทำของเค้าแล้ว จากนี้ทางครอบครัวขอให้ ทุกอย่างจบอย่างสวยงาม แบบที่น้องอยากให้เป็น ขอให้ทุกคนเคารพในการตัดสินใจเดินทางไกลอย่างสงบของน้องด้วยนะคะ น้องอยากจากไปแบบมีความสุข ทางครอบครัว ขอบคุณทุกคนมากๆๆ นะคะที่แสดงความเสียใจกับการจากไปของน้อง และขอฝากเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนนะคะ”
“ตอนนี้ทางครอบครัวไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ กับทางสื่อใดๆ และ ขอบคุณที่ทางสื่อ สนใจกับปัญหาเรื่อง Toxic ในที่ทำงานนะคะ”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พบว่าพี่สาวของเภสัชกรหนุ่มผู้เสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความเศร้าระบุว่า “ถึงน้องชายที่รัก คืนนี้พี่ไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมถึงไม่ได้ดูแลน้องให้ดีกว่านี้ ทั้งที่น้องส่งสัญญานหลายครั้ง ทั้งๆที่เพิ่งไปนอนที่ห้องวันก่อนก็ไม่ได้คุยกัน ทำไมตอนนั้นถึงไม่บอกว่าให้ลาออกแล้วมาอยู่ด้วยกัน จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้”
“ทำไมน้องถึงคิดว่าไม่มีใครรัก ทั้งๆที่ เรารักมาก รู้มั้ยว่าคือความภูมิใจของบ้าน เวลาไปไหน พี่จะบอกคนอื่นเสมอเลย ว่าน้องชายเป็นเภสัชค่ะ แม่ป๊าก็ภูมิใจมาก รู้ว่าที่แม่ชอบบ่นก็เพราะแม่รักเรามาก มากกว่าอะไรใดๆ ทั้งหมด เห็นทะเลาะทีไร พอบ่นอยากกินนู่นนี่ก็ ทำให้ตลอด ทำทีทุกคนต้องกินไปเป็นอาทิตย์นู้น แล้วทิ้งพี่กับแม่และป๊าไปแบบนี้ ทุกคนจะอยู่ยังไง เราคิดถึงน้องมากนะ รักมากด้วย”
“ต่อจากนี้ใครจะบอกหนูรักแม่น้า รักป๊าน้าทุกวันได้ พี่ปากหนักจะตาย จะให้พูดบอกรักแม่ทุกวันกอดหอมแก้มแม่ได้ตลอดแบบน้องทำได้ที่ไหน หลังจากนี้ บ้านคงเหงาแย่ไม่มีคนคอยเจื้อนแจ้ว แม่จ๊ะแม่จ๋า สุดท้ายคิดถึงรักมาก พี่จะขาดใจตายละ”