ปานเทพ จับพิรุธ ทนายตั้ม โผล่กองปราบโชว์ตัว หวังรอดหมายจับคดีเจ๊อ้อย ซัดปิดปากสื่อห้ามถาม แถมตะกุกตะกักตอบไม่ชัด
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 พ.ย. 67 ที่บ้านพระอาทิตย์ นาย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต แถลงถึงกรณีที่นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ที่กองบังคับการปราบปรามว่า
ทีมงานนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวอาวุโส และเราได้วิเคราะห์ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นว่าทนายตั้มไปเพื่ออะไร โดยบริบทอ้างว่าเป็นเพราะตำรวจไปอยู่พื้นที่ใกล้บ้าน และได้พาดพิงสื่อฯว่า มีกระบวนการคุกคาม แต่จากที่เราได้มีโอกาสตามดูข้อเท็จจริง เราคิดว่าตำรวจยังไม่ได้ทำหน้าที่เกินเลย ในฐานะผู้ที่ทำหน้าที่คดีความและเป็นคดีใหญ่ อย่างน้อยตำรวจต้องติดตามสถานการณ์ความคืบหน้า เพื่อจะมั่นใจได้ว่าผู้ต้องหา หรือผู้ถูกกล่าวหามีความปลอดภัย ไม่หลบหนี และที่สำคัญสื่อก็ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์ในการแสวงหาข้อเท็จจริง แต่สำหรับทนายตั้มในรอบนี้มีการพาดพิงการทำงานของสื่อและตำรวจอย่างไม่ถูกต้อง แม้กระทั่งการห้ามปรามสื่อในการซักถาม ถือว่าผิดปกติ จากวิสัยของทนายตั้มที่ชอบแถลงข่าว
นาย ปานเทพ กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้เราสรุปกันว่าเมื่อวานนี้ทนายตั้มน่าจะมีเจตนา เพื่อทำให้ตัวเองได้แสดงตนต่อพื้นที่สาธารณะว่าตัวเองไม่หนีไปไหน โดยเชื่อว่าทนายตั้มน่าจะมีแหล่งข่าวในกองปราบ และเชื่อว่าตัวเองอาจจะถูกหมายจับ และการปรากฎตัว เพื่อต้องการทำให้ลดผลกระทบที่อาจจะถูกหมายจับ หรือแม้กระทั่งการคัดค้านการประกันตัวของตำรวจ เพื่อแสดงตนว่าตัวเองนั้นปรากฎตัวในที่สาธารณะ และไม่หลบหนีใช่หรือไม่ และน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ปรากฎตัว
ทนายตั้มเป็นทนายความที่รู้การเคลื่อนไหวของคดีในตำรวจอยู่แล้ว เพราะทำงานร่วมกับกองปราบ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาอย่างยาวนาน และมีตำรวจติดตามมาอย่างต่อเนื่องย่อมรู้อยู่แล้วว่า มีไม่กี่ทางที่ตำรวจจะตามขนาดนี้ จึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นเทคนิคทางกฎหมายที่หวังจะไม่ถูกออกหมายจับ หรือหากถูกออกหมายจับก็จะได้รับการประกันตัว
นาย ปานเทพ กล่าว่า ณ วันนี้ถือว่าทนายตั้ม ได้ถูกดำเนินคดีความจากพี่อ้อย และปัจจุบันพี่อ้อยดำเนินคดีมากกว่า 71 ล้านบาทแล้ว เพราะพี่อ้อยเพิ่งกระจ่างในความจริงบางเรื่อง และแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม คือ 1. เงิน 71 ล้านบาท 2.เงิน 39 ล้านบาทที่พี่อ้อยโอนไปให้บุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนของทนายตั้ม และ 3. ประเด็นเงินส่วนต่างจากรถที่ซื้อประมาณ 1.5 ล้านบาท ตอนนี้จึงมี 3 คดีที่พี่อ้อยแจ้งความไปกับกองปราบ
นาย ปานเทพ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของภาษีที่ได้รับหลังจากได้เงิน 71 ล้านบาท ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ทนายตั้มให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก โดยพูดว่าจะต้องมีการจ่าย 5% ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการ เพราะเป็นคดีความอยู่จึงไม่ได้มีการจ่าย ซึ่งขัดกับที่ก่อนหน้านี้ทนายตั้มเคยออกมาพูดว่าการจ่ายภาษี 40% ที่จะต้องทำเอกสารธุรกิจเพื่อเลี่ยงจ่ายภาษีส่วนนี้ ทั้งที่จริงๆแล้วเจ๊อ้อยสามารถกดเงินสดโดยที่ไม่ต้องเสียภาษีเลยก็ได้จึงมองว่าประเด็นนี้ทนายตั้มมีพิรุธ นอกจากนั้นคำพูดของทนายตั้ม ที่มีการแจ้งสรรพากรไปแล้วเรื่องภาษีทั้ง หากดำเนินการเรื่องภาษีจริงก็ควรใช้คำว่าจ่ายภาษีไปแล้ว
ส่วนเรื่องเรื่องเงิน 39 ที่ทนายตั้มพยายามอ้างว่า เจ๊อ้อยเต็มใจจ่ายเองให้กับดาราจีนซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นสแกมเมอร์ มองว่าเรื่องนี้ทนายตั้มตอบแบบตัดตอน เพราะเป็นคนละส่วนกับเงิน 39 ล้านบาท มีข้อมูลว่าเจ๊อ้อยจ่ายเงินให้กับสแกมเมอร์แค่จำนวน 2 ครั้ง ก่อนที่ กลุ่มของทนายตั้ม และเพื่อนจะมาอ้างว่าถูกอายัดบัญชีและถูกดูดเงิน ซึ่งทนายตั้มกับเพื่อนได้มีการทะเลาะกันต่อหน้าเจ๊อ้อยร้องห่มร้องไห้ จนทำให้เจ๊อ้อยรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของเจ๊อ้อย ทำให้เจ๊อ้อยตัดสินใจโอนเงินให้ภรรยาของเพื่อนทนายตั้ม คือน.ส.สารินี ในวันที่ 25 พ.ค. 66 เป็นจำนวนเงิน 39 ล้านบาท
จากนั้นภรรยาของเพื่อนทนายตั้มก็ไปแจ้งความ สน.แห่งหนึ่ง ในวันที่ 23 พ.ค. 66 ว่าถูกหลอกโอนเงิน โดยโอนผ่านบิตคอยน์จำนวน 7 ครั้งยอดความเสียหายรวมกว่า 2 ล้านบาท โดยมีการโอนผ่าน QR Code ที่ไม่ทราบตัวบุคคลจึงอยากให้เจ้าที่ตำรวจตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย ซึ่งตนได้ตั้งข้อสังเกตว่าไม่ได้มีการแจ้งความในยอด 39 ล้านบาท
เมื่อวานนี้ทนายตั้มได้มีการเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำเจ๊อ้อยโดยไม่ใช้ทนายความ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำตามคำขอของทนายตั้มแล้ว สำหรับการดำเนินคดีกับทนายตามในขณะนี้จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องฉ้อโกงต่อกัน 3 คดี ซึ่งเป็นการทำซ้ำกันหลายครั้งอาจจะเข้าข่ายความผิดการฟอกเงินด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องไปตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดและท้ายที่สุดอาจถูกอายัดทรัพย์สิน
ส่วนกรณีที่ทนายตั้มพยายามที่จะยกคำพูดของนายสนธิ และเจ๊อ้อย ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าถ้าหากทนายตั้มมาขอโทษเจ๊อ้อยก็พร้อมที่จะยกให้ ซึ่งทนายตั้มอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา ไม่มีข้อผูกมัด นายปานเทพ ระบุว่า มันคนละส่วนกัน เพราะตนเองเป็นคนสัมภาษณ์เจ๊อ้อยเองโดยเรื่องนี้มันเป็นคำพูดที่ให้แบบมีเงื่อนไขก็คือทนายตั้มจะต้องมาขอโทษเจ๊อ้อยก่อน
นอกจากเรื่องของคดีความเจ๊อ้อยแล้ว มีประเด็นเรื่องมรรยาททนายความที่กำลังจะเดินหน้าเอาผิดทนายตั้มนั้นภายในสัปดาห์หน้า นายสนธิและทีมงานจะไปร้องมรรยาททนายความของทนายตั้มที่มีการเปิดเผยข้อมูลของเจ๊อ้อย ซึ่งเป็นลูกความ ทนายตั้ม กลับนำความลับที่เจ๊อ้อยถูกหวยล็อตโต้ 2 เด้งมาเปิดเผย ซึ่งเป็นการเปิดเผยความลับของลูกความ ในขณะนี้มีคนส่งข้อมูลเข้ามายังเพจสนธิทอล์คอย่างต่อเนื่องซึ่งจะมีการรวบรวมหลักฐาน และนำไปร้องที่เดียวให้สมบูรณ์