สืบนครบาล รวบชายชาวญี่ปุ่น 2 คน อุ้มเพื่อนร่วมชาติ ทำร้ายร่างกายบังคับกินอุจจาระ หนีคดีจากญี่ปุ่นมาขายกัญชาในประเทศไทย
วันที่ 6 พ.ย.67 เงินสดมูลค่า 179,000 บาท อุปกรณ์เสพกัญชา สมุดธนาคาร พร้อมของมีค่าจำนวนหนึ่ง คือของกลางที่ตำรวจรวบรวมได้จากการจับกุมนายนิกิ ฟุกุ หรือ Mr.NIKI FUKU สัญชาติญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5034/2567 ลงวันที่ 17 ต.ค.67 และนายโทมิ อาซาอิ หรือ Mr.TOMIKI ASAI สัญชาติญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5036/2567 ลงวันที่ 17 ต.ค.67 ในความผิดฐาน "ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้อื่น"
คดีนี้ พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมพลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. และ พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาสอบปากคำ ผู้ต้องหา 2 คน ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ด้วยตัวเอง หลัง พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ นำทีมจับกุมทั้ง 2 คน ได้ที่ห้องพักรีสอร์ท แห่งหนึ่งในอ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมา
พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหาย ชายชาวญี่ปุ่นและหญิงชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสามีภรรยากันได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท และ สน.โชคชัย ว่าได้ถูกกลุ่มค์ชาวญี่ปุ่น 3 คน และ คนไทย 1 คน ร่วมกันอุ้มเรียกเงิน 300,000 บาท แบ่งเป็นค่าดำเนินการทำวีซ่าที่ด่านปอยเปต และเงินที่ผู้เสียหายยืมกลุ่มผู้ก่อเหตุไป ซึ่งผู้เสียหายมีเงินไม่พอจ่าย จึงทำให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจ และได้พาตัวผู้เสียหายไปที่ทุ่งหญ้าทำทีข่มขู่จะฆ่าหมกป่า ก่อนจะพาตัวไปกักขังไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ถ.เกษตรนวมินทร์ และ ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ก่อนบังคับให้ผู้เสียหายกินอุจจาระ แต่ทางผู้เสียหายไม่ยินยอม ผู้เสียหายอาศัยจังหวะที่กลุ่มผู้ต้องหาเผลอติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น กระทั่งตำรวจเข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุตำรวจได้ติดตามจับตัวชาวไทยและชาวญี่ปุ่นได้ภายในวันเกิดเหตุ คงเหลือผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่เป็นชาวญี่ปุ่นซึ่งถูกจับได้เมื่อคืนที่ผ่านมา ชุดจับกุมได้มีการตรวจสอบพบพฤติการณ์ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมักมีพฤติกรรมชอบเสพกัญชาโดยเฉพาะกัญชาสูตร “3king” ซึ่งต้องใช้ส่วนผสมที่เป็นกัญชาจากแหล่งในประเทศไทย และได้สืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 หลบหนีไปกบดาลที่ จ.ชลบุรี และต้องหาซื้อกัญชามาเสพทุกวันทีมสืบสวนจึงลงพื้นที่ไปยังแหล่งจำหน่าย และพบเบาะแสของผู้ต้องหา จึงนำกำลังไปจับกุมได้ภายในห้องพักดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ชุดสืบสวนได้พยายามเข้าจับกลุ่มแล้วหลายครั้งแต่ กลุ่มผู้ต้องหามีการย้ายที่พักอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้การติดตามตัวเป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก
จากการสอบปากคำ เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยเปิดเผยว่า ตัวเองเคยถูกจับกุมคดีกัญชาที่ประเทศญี่ปุ่น 4 ครั้ง ก่อนหลบหนี มาที่ประเทศไทยพร้อมเงิน 1 พันล้านเยนเพื่อประกอบธุรกิจขายกัญชา และธุรกิจส่งออกต่างประเทศ ส่วนประเด็นที่สงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งค์ยากูซ่า หรือเป็นองค์กรอาชญากรรมหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบกับทางการประเทศญี่ปุ่น แต่จากการตรวจสอบร่างกายเบื้องต้น พบรอยสัก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแก๊งค์ยากูซ่า
หลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จพนักงานสอบสวนจะส่งตัวผู้ต้องหาให้กับสถานีตำรวจนครบาลพญาไทดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมส่งฝากขังศาลอาญารัชดาภายในวันศุกร์นี้
สำหรับกรณี ที่หลายคนสงสัยว่า เหตุใดผู้เสียหาย จึงอ้างว่ามีพันธบัตร รวมมูลค่ากว่า 35 ล้านบาท จะเป็นความจริงหรือไม่ ตำรวจ ก็สงสัยเช่นเดียวกันและอยู่ระหว่างส่งเรื่องให้ทางการญี่ปุ่นตรวจสอบข้อมูลหากพบว่ามีการกระทำความผิด หรือเข้าข่ายเป็นพฤติการณ์โจรปล้นโจรหรือไม่ ต้องรอข้อมูลและพยานหลักฐานมาสนับสนุนสมมติฐานดังกล่าว