วันที่ 24 มี.ค.63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีความกังวลใจของประชาชนเกี่ยวกับการจัดงานศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ที่อาจมีการแพร่เชื้อ จนมีการต่อต้านการจัดงานศพ โดยระบุว่า ขอให้มั่นใจว่า ศพไม่สามารถไอจามได้ เพราะการติดต่อของโรคนี้ คือ การสัมผัสสารคัดหลั่ง การไอจาม จากการพูดคุย
อย่างไรก็ตาม ศพต้องมีการดูแลอย่างเหมาะสมทุกราย ญาติพี่น้องที่จะทำบำเพ็ญกุศลไม่ต้องกังวล สามารถทำได้ตามปกติ ส่วนคนที่จะไปร่วมงานศพก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปกังวลอะไรมากกับตัวศพว่าจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อ
สำหรับการจัดการศพ มีการซักซ้อมตามมาตรฐาน โดยผู้ที่จะเข้าดูแลร่างผู้เสียชีวิตจะใส่ชุดป้องกันตัวอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าร่างจะมีเชื้อแล้วหรือไม่ก็ตาม ซึ่งบางรายก็รักษาจนไม่มีเชื้อแล้ว แต่ก็ต้องสวมใส่เพื่อความมั่นใจในการทำงาน โดยจะมีนำสำลีชุบแอลกอฮอล์ 70% นำมาอุดตามช่องอวัยวะต่าง ๆ
จากนั้นจะพ่นสเปรย์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อทุกด้านของร่างกาย แล้วจึงนำร่างบรรจุถุงซิปล็อกจำนวน 3 ชั้น โดยหลังบรรจุชั้นที่ 1 มีการสเปรย์ฆ่าเชื้อ แล้วนำบรรจุลงในถุงชั้นที่ 2 ฉีดพ่นฆ่าเชื้อแล้ว บรรจุลงถุงชั้นที่ 3 แล้วสเปรย์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้ออีกรอบ เพื่อสร้างมั่นใจผู้ดูแลผู้เสียชีวิตว่าถุงซิปชั้นนอกสุดจะไม่มีเชื้อโรค โดยถุงซิปบรรจุร่างก็เป็นถุงสำหรับใส่ร่างศพจากโรคติดต่ออันตราย โอกาสหลุดรอดหรือรั่วก็เป็นไปได้ยาก
หลังจากบรรจุศพแล้ว จะไม่มีการเปิดถุงอีก ดังนั้น ก่อนที่จะมีการดำเนินการดังกล่าว ญาติผู้เสียชีวิตก็จะต้องใส่ชุดป้องกันเพื่อมายืนยันร่างผู้เสียชีวิตก่อน ทั้งนี้ เมื่อเคลื่อนย้ายศพมาถึงวัดก็สามารถดำเนินการตามพิธีทางศาสนาได้ตามปกติ ซึ่งเชื้อจะตายได้ในอุณหภูมิที่มีความร้อน 60-70 องศาเซลเซียส แต่การฌาปนกิจศพใช้ความร้อนมากกว่า 800-1,000 องศาเซลเซียม
ด้าน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม บอกว่า วัดไผ่ล้อมพร้อมในการจัดพิธีเผาศพให้ผู้เสียชีวิตเพราะไม่ได้วิตกกับเรื่องนี้ โดยที่ผ่านมาวัดไผ่ล้อมได้มีการจัดการกับอนาถา หรือศพที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ และโรควัณโรคมาแล้ว
ผ่านโครงการที่ใช้ชื่อว่า “กองทุนเผาสวดฟรีวัดไผ่ล้อม” ซึ่งดำเนินการมาไม่น้อยกว่า 15 ปี โครงการดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม เข้ามาเป็นพี่เลี้ยง ทำให้รู้ว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร
